คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 407/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 267 เมื่อศาลมีคำสั่งให้ยกคำขอหรือยกเลิกคำสั่งคุ้มครองในเหตุฉุกเฉินแล้วไม่ว่าคำสั่งเช่นนี้จะเป็นคำสั่งของศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ก็ตาม คำสั่งเช่นนี้ให้เป็นที่สุด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ผิดสัญญาไม่ยอมส่งมอบที่ดินในสภาพที่โจทก์จะเข้าทำการก่อสร้างอาคารตามสัญญาได้ และยังทำละเมิดต่อโจทก์โดยร่วมกับจำเลยที่ 3 ทำการปลูกสร้างอาคารลงในที่ดินนั้นด้วย ขอให้บังคับจำเลยที่ 1ที่ 2 ปฏิบัติตามสัญญา หากไม่สามารถปฏิบัติได้ก็ให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย

ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งห้ามชั่วคราว โดยให้จำเลยงดการก่อสร้างลงบนที่พิพาท และขอให้ศาลไต่สวนในเหตุฉุกเฉิน

ศาลชั้นต้นไต่สวนพยานโจทก์แล้วมีคำสั่งให้จำเลยระงับการก่อสร้างอาคารและห้ามจำเลยทำการก่อสร้างต่อไปในที่ดินพิพาทบางส่วน

จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งห้ามชั่วคราว โดยเฉพาะจำเลยที่ 3 อ้างด้วยว่า คำร้องของโจทก์ไม่ใช่กรณีมีเหตุฉุกเฉิน

ศาลชั้นต้นไต่สวนพยานจำเลยแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องจำเลย

จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์คำสั่งให้ศาลอุทธรณ์กลับคำสั่งศาลชั้นต้น โดยให้เพิกถอนหรือยกเลิกคำสั่งห้ามชั่วคราวเสีย

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้น โดยให้ยกคำร้องโจทก์ที่ขอให้คุ้มครองชั่วคราวในกรณีฉุกเฉิน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 267เมื่อศาลมีคำสั่งให้ยกคำขอหรือยกเลิกคำสั่งคุ้มครองในเหตุฉุกเฉินแล้ว ไม่ว่าคำสั่งเช่นนี้จะเป็นคำสั่งของศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ก็ตาม คำสั่งเช่นว่านี้ให้เป็นที่สุด โจทก์จึงไม่มีสิทธิฎีกา

พิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์

Share