แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อสัญญาเช่าสำนักงานมีว่า ถ้าผู้เช่าผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าตามกำหนด ผู้ให้เช่ากลับเข้าครอบครองสถานที่ ย้ายบุคคลออก ฯลฯ ได้ข้อสัญญานี้ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ผู้เช่าค้างชำระค่าเช่าผู้ให้เช่าใช้ลวดไขกุญแจห้องเช่าออกเอากุญแจใหม่ใส่แทน ผู้เช่าเข้าห้องเช่าไม่ได้ ดังนี้ เป็นการใช้สิทธิตามสัญญาเช่า ไม่เป็นความผิดอาญา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของอาคารชื่อ ศูนย์การค้าสยาม จำเลยที่ 2ที่ 3 เป็นผู้แทนทำการแทนจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 4 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1โจทก์เป็นผู้เช่าห้องบนอาคารศูนย์การค้าสยามกับจำเลยที่ 1 เพื่อทำเป็นสำนักงานมีทรัพย์สินของโจทก์อยู่ในสำนักงานดังกล่าว จำเลยทั้งสี่ร่วมกันบุกรุกเข้าไปภายในสำนักงานของโจทก์ โดยถอดกุญแจประตูสำนักงานออก แล้วใช้กำลังเข้าครอบครองสำนักงานโดยเปลี่ยนกุญแจใหม่มาใส่แทน และมีเจตนาทุจริตยึดถือเอาทรัพย์สินของโจทก์ไปเป็นประโยชน์ตนหรือผู้อื่น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 335, 364 และ 365
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่ากรณีเป็นเรื่องพิพาททางแพ่ง คดีโจทก์ไม่มีมูลความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลชั้นต้นรับเป็นฎีกาเฉพาะข้อ 5(ข) ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามสัญญาเช่าเอกสารหมาย จ.1 ข้อ 14 มีว่าเมื่อผู้เช่าผิดสัญญาในการชำระเงินตามกำหนดเวลา เจ้าของสถานที่เช่ามีสิทธิกลับเข้าครอบครองสถานที่ย้ายบุคคลออกไปจากสถานที่ทั้งหมด เข้าครอบครองสถานที่และเครื่องมือเครื่องใช้ทุกอย่างสิ่งของที่ติดกับสถานที่และทรัพย์สินส่วนตัวทั้งหมดในสถานที่เช่า และไม่ว่าจะได้หรือมิได้บอกเลิกสัญญาเช่าก็ตามก็สามารถให้เช่าสถานที่เช่าได้ใหม่ ๆ ข้อสัญญานี้ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงใช้บังคับได้ และโจทก์จำเลยต้องปฏิบัติตามสัญญานี้ เมื่อโจทก์ผู้เช่าค้างชำระค่าเช่าจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยที่ 1 ผู้เป็นเจ้าของสถานที่เช่าจึงใช้สิทธิตามสัญญาเช่าเอกสารหมาย จ.1 ข้อ 14 ดังกล่าวได้ การที่จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นที่ปรึกษากฎหมายของจำเลยที่ 1 ให้คนงานใช้ลวดไขกุญแจที่ใส่ปิดประตูห้องพิพาทออกแล้วเอากุญแจลูกใหม่ใส่แทน เป็นเหตุให้โจทก์กับพนักงานเข้าไปใช้ห้องพิพาทไม่ได้ จึงไม่มีมูลเป็นความผิดทางอาญา
พิพากษายืน