คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4065/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยว่ากระทำความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 แต่ไม่ได้บรรยายฟ้องให้ปรากฏว่า จำเลยได้โอนขายที่ดินตามโฉนดฉบับที่จำเลยนำไปมอบให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ โดยรู้อยู่ว่าโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ของตนได้ใช้สิทธิหรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้จำเลยชำระหนี้ อันเป็นองค์ประกอบของการกระทำความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดตามกฎหมายหลายกรรม คือ จำเลยนำข้อความอันเป็นเท็จไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลพระราชวังว่า โฉนดที่ดินเลขที่ 40614 เลขที่ดิน 308 ตำบลสวนหลวงที่ 8 พระโขนงฝั่งเหนือ ถนนพัฒนาการ เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยได้ตกหายไป ซึ่งความจริงโฉนดที่ดินดังกล่าวมิได้ตกหาย แต่จำเลยมอบให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้จำนวน 40,000บาท ซึ่งจำเลยกู้ไปจากโจทก์ การแจ้งความเท็จดังกล่าวของจำเลยทำให้โจทก์เสียหาย ต่อมาจำเลยได้ยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานครขอให้ออกใบแทนโฉนดที่สูญหาย โดยจำเลยใช้และอ้างเอกสารการแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนแสดงเป็นพยานหลักฐาน ทำให้เจ้าพนักงานที่ดินหลงเชื่อและออกใบแทนโฉนดดังกล่าวให้ ครั้นเมื่อสัญญากู้เงินถึงกำหนดชำระ โจทก์ทวงถาม แต่จำเลยเพิกเฉยและได้กู้เงินโจทก์ไปอีกหลายคราวรวมเป็นเงินต้นและดอกเบี้ยทั้งสิ้น 492,581 บาท ในที่สุดโจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งเพื่อให้ชำระเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยทั้งหมด และจำเลยได้ขอผ่อนชำระ ศาลได้มีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ แต่เมื่อถึงกำหนดผ่อนชำระจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญา โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดดังกล่าวเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ ปรากฏว่าจำเลยได้โอนขายที่ดินโฉนดเลขที่ 40614 ให้แก่ พ. ไปก่อนแล้ว ในระยะเวลาที่โจทก์ทวงถามจำเลยแต่ก่อนจะฟ้องคดี โดยใช้โฉนดที่ดินซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินได้จัดทำขึ้นใหม่ตามที่จำเลยอ้างว่าฉบับเดิมสูญหายแสดงเป็นหลักฐานการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำที่มีเจตนาเพื่อมิให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วนตามที่จำเลยกู้เงินโจทก์โดยมีเจตนาโอนทรัพย์ที่ประกันเงินกู้ไปให้ผู้อื่นโดยทุจริต ทำให้โจทก์เสียหายไม่สามารถได้รับชำระหนี้ตามคำขอบังคับของศาลที่ให้ขายทอดตลาดที่ดินตามโฉนดดังกล่าว ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 267, 268 350 และ 91

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สั่งประทับฟ้อง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 350 ให้ลงโทษจำคุก ข้อหาอื่นให้ยก

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์ไม่ครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 350 จะต้องปรากฏว่า ผู้กระทำได้กระทำโดยรู้ว่าเจ้าหนี้ได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ แต่ตามคำฟ้องของโจทก์ ไม่ปรากฏข้อความในตอนใดที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยได้โอนขายที่ดินตามโฉนดฉบับที่จำเลยนำไปมอบให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ที่โจทก์ฟ้องนั้นไปโดยจำเลยรู้อยู่ว่าโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ของตน ได้ใช้สิทธิหรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้จำเลยชำระหนี้รายนี้ แม้ตามหนังสือทวงถามให้ชำระหนี้ 3 ฉบับ (เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 12 ถึง 14) ก็ไม่ปรากฏข้อความว่ากำหนดให้จำเลยชำระเมื่อใด และถ้าหากจำเลยไม่ชำระภายในกำหนดโจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลโดยฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้ เมื่อฟ้องของโจทก์ไม่บรรยายให้ปรากฏว่า จำเลยได้กระทำโดยรู้ว่าโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ของตนได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ อันเป็นองค์ประกอบของการกระทำความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ในข้อสารสำคัญ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5)

พิพากษายืน

Share