แหล่งที่มา : ADMIN
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญารวมเจ็ดสำนวนศาลชั้นต้นสั่งรวมพิจารณาและพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทุกสำนวนและให้นับโทษต่อกันตามลำดับสำนวนทุกสำนวนเช่นนี้จำเลยจะขอให้ศาลหักวันต้องขังให้จำเลยในแต่ละสำนวนทั้งเจ็ดสำนวนไม่ได้เป็นการขัดกับความจริงและทำให้จำเลยได้รับโทษจำคุกไม่เป็นไปตามคำพิพากษาเพราะจำเลยถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษาตามหมายของศาลฉบับเดียวเท่านั้นและศาลชั้นต้นก็ได้ออกหมายจำคุกนับตั้งแต่วันที่จำเลยถูกคุมขังเป็นต้นไปซึ่งเท่ากับหักวันที่จำเลยถูกคุมขังออกจากระยะเวลาจำคุกตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา22แล้ว.
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งเจ็ดสำนวนฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาและพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง จำคุกจำเลยสำนวนละ 8 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยสำนวนละ 4 เดือนและให้นับโทษต่อกันตามลำดับทุกสำนวน รวมจำคุก 2 ปี 4 เดือน จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งหักวันที่จำเลยถูกคุมขังมาแล้วก่อนมีคำพิพากษาในแต่ละสำนวนทั้ง 7 สำนวน ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลรวมการพิจารณาแล้วออกหมายขังเพียงฉบับเดียว จำเลยจะนำวันต้องขังที่ซ้ำซ้อนมาขอให้หักอีกย่อมไม่ชอบ ให้ยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาขอให้ศาลหักวันต้องขังให้จำเลยเป็นเวลา156 วัน ในแต่ละสำนวนทั้งเจ็ดสำนวนนั้น ขัดกับความเป็นจริง และทำให้จำเลยได้รับโทษจำคุกไม่เป็นไปตามคำพิพากษาเพราะจำเลยถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษาตามหมายของศาลฉบับเดียวเท่านั้นตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2527 ตลอดมาจนถึงวันศาลชั้นต้นพิพากษาคือวันที่ 17 ธันวาคม 2527 และศาลชั้นต้นก็ได้ออกหมายจำคุกนับตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2527 เป็นต้นไป ซึ่งเท่ากับหักวันที่จำเลยถูกคุมขังออกจากระยะเวลาจำคุกตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 22 แล้ว พิพากษายืน