แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขณะกระทำความผิดจำเลยมีอายุ 17 ปี และเป็นนักเรียนและตามพฤติการณ์แห่งคดีจำเลยกระทำไปด้วยความคึกคะนองตามประสาวัยรุ่นกรณีจึงไม่สมควรพิพากษาลงโทษจำเลย จึงให้มารดาจำเลยรับตัวไปอบรมสั่งสอนมิให้ก่อเหตุร้ายขึ้นอีกภายในระยะเวลาที่กำหนด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ประกอบด้วยมาตรา 74(2),(3)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340,340 ตรี, 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 340 วรรคสอง ประกอบด้วย มาตรา 340 ตรีขณะกระทำผิดจำเลยมีอายุ 17 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ลงโทษจำคุก 9 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้อีกหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 6 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฯลฯ เห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์รับฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายร่วมกับพวกปล้นทรัพย์ผู้เสียหายไปดังโจทก์ฟ้องที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ให้ยกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,340 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 340 ตรี ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 14, 15 ขณะกระทำความผิดจำเลยมีอายุ 17 ปี และเป็นนักเรียน ตามพฤติการณ์แห่งคดีจำเลยกระทำไปด้วยความคึกคะนองตามประสาวัยรุ่น จึงเห็นว่าไม่สมควรพิพากษาลงโทษจำเลย อาศัยอำนาจตามมาตรา 75 ประกอบด้วยมาตรา 74(2), (3)ให้มารดาจำเลยรับตัวจำเลยไปอบรมสั่งสอนมิให้ก่อเหตุร้ายขึ้นอีกภายใน 3 ปี นับแต่วันฟังคำพิพากษานี้ หากจำเลยก่อเหตุร้ายให้มารดาจำเลยชำระค่าปรับต่อศาลครั้งละ 1,000 บาท และให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 6 เดือน มีกำหนด 3 ปี นับแต่วันฟังคำพิพากษานี้