คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 362/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยที่ 1 (ตัวแทน) จำเลยที่ 2 (ตัวการ) ร่วมกันและแทนกันใช้เงินค่าสินค้าที่จำเลยที่ 1 ซื้อไปจากโจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 เท่านั้นใช้เงินค่าสินค้าแก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ยส่วนฟ้งอของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ให้ยกเสียจำเลยที่ 2 เท่านั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังนี้ โจทก์จะฎีกาขอให้จำเลยที่ 1 รับผิดตามฟ้องอีกหาได้ไม่ ต้องถือว่าคดีสำหรับจำเลยที่ 1 เป็นอันยุติลงตามกระบวนความเพียงแค่ศาลชั้นต้นไปแล้ว โจทก์คงฎีกาได้เฉพาะที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 เท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนช่างกลปทุมวันอยู่ในสังกัดและบังคับบัญชาของจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นกรมหนึ่งในกระทรวงศึกษาธิการ ได้ซื้อสายไฟฟ้าขนาดต่าง ๆ ไปจากโจทก์ซึ่งเป็นบริษัทจำกัดเพื่อใช้ในกิจการของโรงเรียนช่างกลปทุมวัน รวม ๒ ครั้ง เป็นเงิน ๘๘,๖๐๐ บาท จำเลยที่ ๑ ชำระราคาให้โจทก์แล้วเพียง ๓๘,๐๐๐ บาท คงค้างชำระอีก ๕๐,๖๐๐ บาทขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันและแทนกันใช้เงินที่ค้างชำระแก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ให้การปฏิเสธความรับผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๒ ใช้เงินตามฟ้องแก่โจทก์ ส่วนฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑ ให้ยกเสีย
จำเลยที่ ๒ เท่านั้นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๒ ด้วยนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ ร่วมกันและแทนกันใช้เงินตามฟ้องของโจทก์
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีเฉพาะตัวจำเลยที่ ๑ ซึ่งโจทก์ฟ้องขอให้รับผิดร่วมกันและแทนกันกับจำเลยที่ ๒ แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ ไม่ต้องรับผิดด้วยแต่อย่างใด และให้ยกฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑ เสียนั้น หากโจทก์ยังติดใจให้จำเลยที่ ๑ ต้องรับผิดร่วมกันและแทนกันตามฟ้องอยู่อีก โจทก์ก็ต้องอุทธรณ์คดัค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นขึ้นมาด้วยการที่โจทก์ไม่อุทธรณ์โดยเห็นว่าสมความมุ่งหมายของโจทก์พอแล้วดังที่กล่าวในฎีกา ก็ต้องถือว่าโจทก์ยอมให้คดีสำหรับจำเลยที่ ๑ เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นจนถึงที่สุดไปแล้วตามกระบวนความ โจทก์จะรื้อฟื้นขึ้นมาฎีกาในชั้นนี้อีกหาชอบด้วยกฎหมายที่จะทำได้ไม่ส่วนที่โจทก์อ้างว่าจำเลยทั้งสองเป็นลูกหนี้ร่วมต้องรับผิดร่วมกันและแทนกัน เมื่อโจทก์ยังไม่ได้รับชำระหนี้เสร็จสิ้นเชิง จำเลยที่ ๑ ก็ยังคงผูกพันอยู่จนกว่าจะได้ชำระหนี้เสร็จสิ้นเชิงนั้นกรณีจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ก็ตาม แต่โจทก์ก็ได้ฟ้องเป็นคดีขอให้ศาลบังคับแก่จำเลยที่ ๑ เช่นนั้นแล้ว คดีจะมีผลให้จำเลยที่ ๑ ต้องรับผิดเช่นนั้นหรือไม่ ก็ย่อมต้องเป็นไปตามกระบวนความ กล่าวคือ โจทก์ยอมให้จำเลยที่ ๑ ไม่ต้องรับผิดร่วมกันและแทนกันแล้วตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น โดยไม่อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษานั้น คดีสำหรับจำเลยที่ ๑ ก็เป็นอันยุติลงตามกระบวนความเพียงแค่ศาลชั้นต้นไปแล้ว ฎีกาของโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวถึงจำเลยที่ ๑ จึงรับพิจารณาให้ไม่ได้
ศาลฎีกาพิจารณาฎีกาของโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงแล้วพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์.

Share