คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4048/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ราคาที่ผู้ซื้อกับผู้ขายตกลงซื้อขายกันจริงไม่อาจถือได้ว่าเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดเสมอไป ทั้งนี้เพราะผู้ซื้อกับผู้ขายอาจลดหย่อนราคาให้แก่กันก็เป็นได้ การคิดราคาอันแท้จริงในท้องตลาดสำหรับของที่นำเข้า จึงต้องคิดเปรียบเทียบกับราคาซึ่งจะพึงขายของประเภทและชนิดเดียวกันได้โดยไม่ขาดทุน ณ เวลาและที่ที่นำของเข้าด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้นำสินค้าคือโรตารี่สวิตช์จากประเทศสหรัฐอเมริกาเข้ามาในราชอาณาจักรรวม 3 ครั้ง โจทก์ได้ยื่นใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าสำแดงราคาสินค้าชุดละ1.56 เหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นราคา เอฟ.โอ.บี. แต่เจ้าพนักงานของจำเลยไม่พอใจราคา ให้โจทก์ชำระภาษีอากรตามที่สำแดงและสั่งให้โจทก์วางประกันทุกครั้ง เมื่อโจทก์ได้ชำระค่าภาษีอากรตามที่สำแดงในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าดังกล่าวแต่ละฉบับพร้อมกับวางประกันค่าภาษีอากรแล้ว เจ้าพนักงานของจำเลยจึงได้ตรวจปล่อยสินค้าให้โจทก์รับไป ต่อมาเจ้าพนักงานของจำเลยได้ประเมินราคาสินค้าของโจทก์เพิ่มขึ้นพร้อมกับออกแบบแจ้งการประเมินอากรขาเข้า ภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลให้โจทก์ชำระภาษีอากรเพิ่มเติมอีก โจทก์จึงได้ชำระภาษีอากรตามที่ประเมินเพิ่มเป็นเงินอากรขาเข้า309,200.19 บาท ภาษีการค้า 118,565.19 บาท และภาษีบำรุงเทศบาล11,855.22 บาท ให้แก่จำเลย จากนั้นโจทก์จึงได้ยื่นอุทธรณ์ต่อจำเลย ขอให้จำเลยรับราคาสินค้าตามที่โจทก์สำแดงและขอคืนเงินส่วนที่ประเมินเรียกเก็บเพิ่มเติม แต่จำเลยไม่ยอมคืนให้ ราคาสินค้าที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนสินค้าเป็นราคาที่โจทก์ซื้อสินค้ามาจริงและเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด การนำเข้ารายพิพาท 3 ครั้งเจ้าพนักงานของจำเลยไม่ยอมรับราคาตามที่โจทก์สำแดงจึงไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง และราคาสินค้าที่เจ้าพนักงานของจำเลยนำมาใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินราคาสินค้าและภาษีอากรมิใช่เป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด การประเมินของจำเลยจึงไม่ชอบ ขอให้พิพากษาว่าราคาสินค้าที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าตามฟ้องเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดการประเมินของจำเลยไม่ชอบ และให้จำเลยคืนเงิน 309,220 บาท ให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์
จำเลยให้การว่า เจ้าพนักงานของจำเลยได้เปรียบเทียบราคาสินค้าที่โจทก์สำแดงในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าพิพาททั้ง 3 ฉบับ กับราคาสินค้าของผู้นำเข้ารายอื่นซึ่งได้นำสินค้าคือโรตารี่สวิตช์อันเป็นสินค้าชนิดและประเภทเดียวกันมีสภาพและเมืองกำเนิดเดียวกัน และระยะเวลาที่นำเข้าใกล้เคียงกันปรากฏว่าราคาที่โจทก์สำแดงในใบขนสินค้าทั้ง 3 ฉบับ ดังกล่าวมีราคาต่ำกว่าที่ผู้นำเข้ารายอื่นได้สำแดง เจ้าพนักงานของจำเลยจึงได้ประเมินราคาสินค้าเพิ่มขึ้น การประเมินภาษีอากรของจำเลยถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์แต่เพียงว่า ราคาของที่โจทก์สำแดงในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าทั้ง 3 ฉบับ ตามฟ้องเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดหรือไม่ เห็นว่า ประเด็นนี้โจทก์เป็นฝ่ายกล่าวอ้าง จำเลยให้การปฏิเสธ ภาระการพิสูจน์หรือหน้าที่นำสืบย่อมตกอยู่แก่โจทก์ แต่ปรากฏว่าโจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานระบุเฉพาะพยานเอกสารไว้เท่านั้น ในส่วนของพยานบุคคล โจทก์มิได้ระบุพยานเอาไว้เลยเป็นเหตุให้ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์ ดังนี้แม้ว่าโจทก์จะมีพยานเอกสารที่โจทก์อ้างในอุทธรณ์ว่าเป็นเอกสารที่จำเลยนำส่งศาลตามหมายเรียกซึ่งน่าจะรับฟังเป็นความจริงได้ก็ตาม แต่เอกสารดังกล่าวข้างต้นก็รับฟังสนับสนุนคำกล่าวอ้างตามฟ้องโจทก์ได้แต่เพียงว่า โจทก์ได้สั่งซื้อและชำระราคาให้แก่บริษัทเอ็ม อาร์ อี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ขายในประเทศสหรัฐอเมริกา ในราคา เอฟ.โอ.บี.ชุดละ1.56 เหรียญสหรัฐ ตามราคาที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนสินค้าขาเข้าทั้ง 3 ฉบับ ดังกล่าวเท่านั้น แต่ราคาที่ซื้อขายกันดังกล่าวนี้ก็เป็นเรื่องภายในที่รู้เห็นกันเองระหว่างโจทก์กับบริษัทผู้ขายในต่างประเทศ ไม่มีน้ำหนักที่จะรับฟังได้เป็นยุติว่าได้มีการตกลงซื้อขายกันตามราคาดังกล่าวจริง เพราะอาจเป็นการสมยอมกันทำเอกสารขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรให้เสียน้อยกว่าที่ควรต้องเสียก็เป็นได้ และแม้ว่าจะเป็นราคาที่ตกลงซื้อขายกันจริงก็ยังไม่เพียงพอที่จะรับฟังได้เป็นยุติว่า ราคาที่ตกลงซื้อขายกันนั้น เป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดตามความหมายที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 2 วรรคสิบสอง ได้ ทั้งนี้เพราะตามบทกฎหมายดังกล่าวได้บัญญัติว่า “คำว่า “ราคาอันแท้จริงในท้องตลาด” หรือ “ราคา” แห่งของอย่างใดนั้น หมายความว่า ราคาขายส่งเงินสด (ในส่วนของขาเข้าไม่รวมค่าอากร) ซึ่งจะพึงขายของประเภท และชนิดเดียวกันได้โดยไม่ขาดทุน ณ เวลาและที่ที่นำของเข้าหรือส่งของออก แล้วแต่กรณี โดยไม่มีหักทอนหรือลดหย่อนราคาอย่างใด”ตามบทนิยามความหมายของคำว่า “ราคาอันแท้จริงในท้องตลาด” เช่นนี้จึงไม่อาจถือได้ว่าราคาที่ผู้ซื้อกับผู้ขายตกลงซื้อขายกันจริงเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดเสมอไป ทั้งนี้เพราะผู้ซื้อกับผู้ขายอาจลดหย่อนราคาให้แก่กันก็เป็นได้ การคิดราคาอันแท้จริงในท้องตลาดสำหรับของที่จะนำเข้า จึงต้องคิดเปรียบเทียบกับราคาซึ่งจะพึงขายประเภทและชนิดเดียวกันได้โดยไม่ขาดทุน ณ เวลา และที่ที่นำของเข้าด้วย ซึ่งความข้อนี้แม้โจทก์จะมีเอกสารหมาย จ.2แผ่นที่ 1-3 และเอกสารหมาย จ.3 แผ่นที่ 1 และ 6 เป็นหลักฐานยืนยันว่า โจทก์เคยนำสินค้าประเภทและชนิดเดียวกัน จากแหล่งกำเนิดประเทศเดียวกันเข้ามาในราชอาณาจักรโดยสำแดงราคา เอฟ.โอ.บี. ชุดละ1.56 เหรียญสหรัฐ เท่ากับราคาของที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนสินค้าขาเข้าพิพาททั้ง 3 ฉบับ ก็ตาม แต่โจทก์ก็ไม่มีพยานบุคคลมาเบิกความยืนยันว่าราคาสินค้าที่โจทก์สำแดงไว้ในเอกสารดังกล่าว เป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดตามความหมายของกฎหมายดังกล่าวข้างต้น แต่ฝ่ายจำเลยมีนางสาวปาริชาติ วุฒิเวชช์ เจ้าพนักงานผู้ประเมินราคาสินค้าพิพาทมาเบิกความว่า พยานได้เปรียบเทียบราคาสินค้าที่โจทก์สำแดงในใบขนสินค้าขาเข้าทั้ง 3 ฉบับ ดังเอกสารหมาย ล.1แผ่นที่ 15, 3 และ 27 กับราคาสินค้าประเภทและชนิดเดียวกัน และเมืองกำเนิดเดียวกันที่ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล พี แอนด์ พีเอ็นจิเนียริ่ง นำเข้ามาตามใบขนสินค้าขาเข้า และใบกำกับสินค้าเอกสารหมาย ล.1 แผ่นที่ 76-77 แล้ว ปรากฏว่าห้างดังกล่าวสำแดงราคา เอฟ.โอ.บี. โรงงานชุดละ 2.10 เหรียญสหรัฐและตามหลักฐานการนำเข้าก็ระบุไว้ชัดแจ้งว่าห้างดังกล่าวได้นำสินค้าเข้ามาเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2531 ซึ่งเป็นเวลาก่อนโจทก์นำสินค้าตามใบขนสินค้าขาเข้าเลขที่ 121-6136 เอกสารหมาย ล.1 แผ่นที่ 15เข้ามาเพียง 6 วัน อันเป็นระยะเวลาใกล้เคียงกันมา แต่ราคาของที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนสินค้าขาเข้าดังกล่าวกลับต่ำกว่าราคาที่ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล พี แอนด์ พี เอ็นจิเนียริ่งสำแดงประมาณชุดละ 0.54 เหรียญสหรัฐ และนางสาวปาริชาติยังเบิกความต่อไปว่า ก่อนที่โจทก์จะนำสินค้าพิพาทเข้ามาตามใบขนสินค้าขาเข้าทั้ง 3 ฉบับดังกล่าว โจทก์ก็เคยนำสินค้าประเภทและชนิดเดียวกันจากเมืองกำเนิดเดียวกันนี้ เข้าในราชอาณาจักรตามใบขนสินค้าขาเข้าเลขที่ 041-61423 และเลขที่ 081-62020 เอกสารหมาย ล.1 แผ่นที่ 47และ 64 และใบกำกับสินค้าเอกสารหมาย ล.1 แผ่นที่ 55 และ 65 โดยสำแดงราคาสินค้า เอฟ.โอ.บี. ชุดละ 1.80 เหรียญสหรัฐ ซึ่งสูงกว่าราคาสินค้าที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนสินค้าขาเข้าพิพาททั้ง 3 ฉบับนี้เช่นกัน ยิ่งกว่านั้น นางสาวปาริชาติยังเบิกความด้วยว่า พยานได้นำราคาของตามใบขนสินค้าขาเข้าพิพาททั้ง 3 ฉบับ มาเปรียบเทียบกับใบเปรียบเทียบราคาของกองพิธีการและประเมินอากรตามเอกสารหมาย ล.1 แผ่นที่ 43 ด้วย และความข้อนี้เมื่อได้ตรวจพิเคราะห์เปรียบเทียบราคากันแล้ว ก็เป็นที่เห็นได้ว่า สินค้าประเภทและชนิดเดียวกันและเมืองกำเนิดเดียวกันนี้ ผู้นำเข้ารายอื่นล้วนแต่สำแดงราคานำเข้าต่อชุดสูงกว่าราคาที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนสินค้าขาเข้าพิพาททั้ง 3 ฉบับทุกราย พยานหลักฐานของจำเลยเกี่ยวกับวิธีการหรือหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการเปรียบเทียบจากราคาอันแท้จริงในท้องตลาดของสินค้าพิพาทชอบด้วยเหตุผล ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 2 วรรคสิบสองแห่งพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ. 2469 เห็นว่า พยานหลักฐานจำเลยมีน้ำหนักกว่าพยานหลักฐานโจทก์ ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า ราคาของที่โจทก์สำแดงในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าทั้ง 3 ฉบับ ตามฟ้องเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share