คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2226/2562

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ในข้อ 2.4 ของจำเลยที่ 1 ว่า ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามมาตรา 70 วรรคสอง ประกอบมาตรา 31 (2) นั้น เป็นคำพิพากษาที่ลงโทษจำเลยที่ 1 ในความผิดที่โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของตู้เพลงคาราโอเกะหยอดเหรียญ ได้ร่วมกันนำตู้เพลงคาราโอเกะหยอดเหรียญดังกล่าวที่มีงานโสตทัศนวัสดุที่บันทึกภาพและเสียงดนตรีกรรม ทั้งร้องและทำนองเพลง ซึ่งเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนที่ร้านลลิตาคาราโอเกะ โดยเปิดเพลงอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายดังกล่าวผ่านทางตู้เพลงคาราโอเกะหยอดเหรียญ ทำให้ปรากฏเสียงทำนองเพลงออกทางเครื่องขยายเสียงและปรากฏภาพคำร้องทางจอโทรทัศน์ แล้วให้ลูกค้าของจำเลยทั้งสองขับร้องเพลงเผยแพร่แก่ลูกค้าภายในร้านอาหารของจำเลยที่ 1 ทั้งคำร้องและทำนอง แล้วแบ่งปันผลประโยชน์กัน อันเป็นการร่วมกันกระทำเพื่อแสวงหากำไรในทางการค้าจากการเผยแพร่ต่อสาธารณชนดังกล่าว โดยจำเลยทั้งสองรู้อยู่แล้วว่าเป็นการกระทำละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย และโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เสียหาย เมื่อจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพตามฟ้อง ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 กระทำการเผยแพร่งานโสตทัศนวัสดุที่บันทึกภาพและเสียงดนตรีกรรมของผู้เสียหายต่อสาธารณชนเพื่อการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 69 วรรคสอง ประกอบมาตรา 27 (2) และ 28 (2) และ ป.อ. มาตรา 83 แม้โจทก์จะไม่ได้ระบุมาตรา 69 แห่ง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ในคำขอท้ายฟ้อง แต่โจทก์ได้บรรยายฟ้องโดยประสงค์ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 69 วรรคสอง ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศมีอำนาจลงโทษจำเลยที่ 1 ในข้อหานี้ได้ ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ ส่วนที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามมาตรา 70 วรรคสอง ประกอบมาตรา 31 (2) ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนถึงสองปี หรือปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงสี่แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อันมิใช่ความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ซึ่งมีระวางโทษตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 69 วรรคสอง ประกอบมาตรา 27 (2) และ 28 (2) ให้จำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสี่ปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงแปดแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนี้ จึงเป็นเพียงการปรับบทมาตราผิดเท่านั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคห้า แต่ไม่อาจกำหนดโทษที่จะลงแก่จำเลยที่ 1 ตามระวางโทษที่บัญญัติไว้ในมาตรา 69 วรรคสองได้ เพราะจะมีผลเป็นการเพิ่มโทษแก่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 69 วรรคสอง ประกอบมาตรา 27 (2) และ 28 (2) และ ป.อ. มาตรา 83 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2562)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4, 6, 8, 15, 27, 28, 31, 70, 75, 76 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83 ริบไมค์พร้อมสายจำนวน 2 อัน สมุดรายชื่อเพลง/ชื่อศิลปินพร้อมรหัสจำนวน 4 เล่ม และตู้เพลงคาราโอเกะหยอดเหรียญจำนวน 1 ตู้ ของกลาง และสั่งจ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งแก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ นับโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 15/2558 ถึง 18/2558 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง (ศาลจังหวัดเดชอุดม) และโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 19/2558 ถึง 24/2558 และ 26/2558 ถึง 28/2558 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง (ศาลจังหวัดเดชอุดม)
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 2 โดยให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีใหม่
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 70 วรรคสอง ประกอบมาตรา 31 (2) และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ฐานร่วมกันละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยที่ 1 กลับตัวเป็นพลเมืองดี โดยให้รอการกำหนดโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ริบของกลาง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศมีคำสั่งให้รับเฉพาะอุทธรณ์ในข้อ 2.4 ของจำเลยที่ 1
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ในข้อ 2.4 ของจำเลยที่ 1 ว่า ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามมาตรา 70 วรรคสอง ประกอบมาตรา 31 (2) นั้น เป็นคำพิพากษาที่ลงโทษจำเลยที่ 1 ในความผิดที่โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของตู้เพลงคาราโอเกะหยอดเหรียญ ได้ร่วมกันนำตู้เพลงคาราโอเกะหยอดเหรียญดังกล่าวที่มีงานโสตทัศนวัสดุที่บันทึกภาพและเสียงดนตรีกรรม ทั้งร้องและทำนองเพลง ซึ่งเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนที่ร้านลลิตาคาราโอเกะ โดยเปิดเพลงอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายดังกล่าวทางตู้เพลงคาราโอเกะหยอดเหรียญ ทำให้ปรากฏเสียงทำนองเพลงออกทางเครื่องขยายเสียงและปรากฏภาพคำร้องทางจอโทรทัศน์ แล้วให้ลูกค้าของจำเลยทั้งสองขับร้องเพลงเผยแพร่แก่ลูกค้าภายในร้านอาหารของจำเลยที่ 1 ทั้งคำร้องและทำนอง แล้วแบ่งปันผลประโยชน์กัน อันเป็นการร่วมกันกระทำเพื่อแสวงหากำไรในทางการค้าจากการเผยแพร่ต่อสาธารณชนดังกล่าว โดยจำเลยทั้งสองรู้อยู่แล้วว่าเป็นการกระทำละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย และโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เสียหาย เมื่อจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพตามฟ้อง ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 กระทำการเผยแพร่งานโสตทัศนวัสดุที่บันทึกภาพและเสียงดนตรีกรรมของผู้เสียหายต่อสาธารณชนเพื่อการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 69 วรรคสอง ประกอบมาตรา 27 (2) และ 28 (2) และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 แม้โจทก์จะไม่ได้ระบุมาตรา 69 แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ในคำขอท้ายฟ้อง แต่โจทก์ได้บรรยายฟ้องโดยประสงค์ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 69 วรรคสอง ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศมีอำนาจลงโทษจำเลยที่ 1 ในข้อหานี้ได้ ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ ส่วนที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามมาตรา 70 วรรคสอง ประกอบมาตรา 31 (2) ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนถึงสองปี หรือปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงสี่แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อันมิใช่ความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ซึ่งมีระวางโทษตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 69 วรรคสอง ประกอบมาตรา 27 (2) และ 28 (2) ให้จำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสี่ปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงแปดแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนี้ จึงเป็นเพียงการปรับบทมาตราผิดเท่านั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคห้า แต่ไม่อาจกำหนดโทษที่จะลงแก่จำเลยที่ 1 ตามระวางโทษที่บัญญัติไว้ในมาตรา 69 วรรคสองได้ เพราะจะมีผลเป็นการเพิ่มโทษแก่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 69 วรรคสอง ประกอบมาตรา 27 (2) และ 28 (2) และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง

Share