คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4047/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้เงินอันเกิดจากการผิดสัญญาจะซื้อขาย จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีจึงมีคำขอให้มีการพิจารณาใหม่ การที่จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ถือได้ว่าเป็นการต่อสู้คดีแพ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยที่ถูกโจทก์ฟ้องเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยนั่นเอง เมื่อความปรากฏต่อศาลชั้นต้นในระหว่างการพิจารณาหลักประกันในการขอทุเลาการบังคับของจำเลยว่า จำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการของจำเลยและศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งรับคำร้องขอไว้เพื่อพิจารณาแล้วโดยไม่ปรากฏว่าศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งเป็นอย่างอื่น กรณีจึงต้องด้วย พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/12 (4) ซึ่งบัญญัติให้ศาลที่มีการฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยงดการพิจารณาไว้และย่อมหมายความรวมถึงการพิจารณาคดีในชั้นศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาด้วย ดังนั้น การพิจารณาหลักประกันของศาลชั้นต้นตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ก็ดี หรือการที่ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ก็ดี ล้วนถือได้ว่าเป็นการพิจารณาคดีอย่างหนึ่งซึ่งต้องงดการพิจารณาไว้ตามบทกฎหมายดังกล่าวด้วยเช่นกัน การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการอ่านคำพิพากษาและศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไปนั้น จึงถือได้ว่าเป็นการพิจารณาที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องเพิกถอนการพิจารณานั้นเสียทั้งหมด

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ทั้งสองในมูลสัญญาจะซื้อขาย จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๒๘๓,๗๗๘ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๓๘ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๓,๐๐๐ บาท
จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยไม่ได้รับหมายเรียก สำเนาคำฟ้องและหมายนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยทราบว่าถูกฟ้องเมื่อได้รับหมายบังคับคดีเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๔๒ ซึ่งเป็นวันเปิดทำการของจำเลย จำเลยไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ขอให้พิจารณาใหม่
โจทก์ทั้งสองยื่นคำคัดค้านว่า โจทก์ทั้งสองนำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย ณ ภูมิลำเนาของจำเลยโดยชอบแล้วแต่จำเลยไม่ใส่ใจในการดำเนินกระบวนพิจารณา จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้ว คดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลย ๓ ประการว่า คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาหรือไม่ และการที่ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ไปนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งสมควรวินิจฉัยฎีกาของจำเลยในปัญหาประการหลังก่อน จำเลยฎีกาว่า ก่อนศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค ๑ จำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นงดการอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ไว้ก่อน เนื่องจากศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของจำเลย การที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ไปตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค ๑ จึงเป็นการไม่ชอบ พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ความปรากฎต่อศาลชั้นต้นในวันที่ศาลชั้นต้นนัดพิจารณาหลักประกันของจำเลยในการทุเลาการบังคับตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ซึ่งอนุญาตให้จำเลยทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์ว่า จำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการของจำเลยและศาลล้มละลายกลางได้รับคำร้องขอของจำเลยไว้ไต่สวนแล้ว ศาลชั้นต้นจึงให้เลื่อนการนัดพิจารณาหลักประกันของจำเลยออกไปเพื่อฟังผลคดีดังกล่าว เมื่อปรากฏว่าศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของจำเลย ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้งดการพิจารณาหลักประกันของจำเลยไว้ก่อนเป็นการชั่วคราวและได้แจ้งให้ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ทราบแล้ว ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ได้ส่งคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค ๑ มาให้ศาลชั้นต้นอ่านให้แก่คู่ความฟัง ศาลชั้นต้นให้งดการอ่านไว้และให้มีหนังสือแจ้งศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พร้อมส่งสำนวนและคำพิพากษาคืน ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ มีหนังสือแจ้งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการอ่านคำพิพากษาต่อไป ศาลฎีกาเห็นว่า พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๑๒ บัญญัติว่า “ภายใต้บังคับมาตรา ๙๐/๑๓ และมาตรา ๙๐/๑๔ นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งรับคำร้องขอไว้เพื่อพิจารณาจนถึงวันครบกำหนดระยะเวลาดำเนินการตามแผน หรือวันที่ดำเนินการเป็นผลสำเร็จตามแผน หรือวันที่ศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอ หรือจำหน่ายคดี หรือยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการหรือยกเลิกการฟื้นฟูกิจการหรือพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตามความในหมวดนี้… (๔) ห้ามมิให้ฟ้องลูกหนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้… ถ้ามูลแห่งหนี้นั้นเกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน… ในกรณีที่มีการฟ้องคดี… ไว้ก่อนแล้ว ให้งดการพิจารณาไว้ เว้นแต่ศาลที่รับคำร้องขอจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น…” คดีนี้เป็นคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้เงินอันเกิดจากการผิดสัญญาจะซื้อขาย จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีจึงมีคำขอให้มีการพิจารณาใหม่ การที่จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ถือได้ว่าเป็นการต่อสู้คดีแพ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยที่ถูกโจทก์ฟ้องเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยนั่นเอง เมื่อความปรากฏต่อศาลชั้นต้นในระหว่างการพิจารณาหลักประกันในการขอทุเลาการบังคับของจำเลยว่าจำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการของจำเลยและศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งรับคำร้องขอไว้เพื่อพิจารณาแล้ว และไม่ปรากฏว่าศาลล้มละลายกลางที่รับคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการของจำเลยมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น กรณีจึงต้องด้วยบทกฎหมายดังกล่าวซึ่งบัญญัติให้ศาลที่มีการฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยงดการพิจารณาไว้ และย่อมหมายความรวมถึงการพิจารณาคดีในชั้นศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาด้วย ดังนั้น การพิจารณาหลักประกันของศาลชั้นต้นตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ก็ดีหรือการที่ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ก็ดีล้วนถือได้ว่าเป็นการพิจารณาคดีอย่างหนึ่งซึ่งต้องงดการพิจารณาไว้ตามบทกฎหมายดังกล่าวด้วยเช่นกัน การที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการอ่านคำพิพากษาและศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ไปนั้น จึงถือได้ว่าเป็นการพิจารณาที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องเพิกถอนการพิจารณานั้นเสียทั้งหมด ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังขึ้น เมื่อวินิจฉัยเช่นนี้แล้วปัญหาข้ออื่นตามฎีกาของจำเลยไม่จำต้องวินิจฉัย
พิพากษายกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค ๑ โดยให้เพิกถอนการพิจารณาของศาลชั้นต้นนับแต่ที่ได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ให้จำเลยแถลงยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่เมื่อครบกำหนดระยะเวลาดำเนินการตามแผนหรือวันที่ดำเนินการเป็นผลสำเร็จตามแผนหรือวันที่ศาลมีคำสั่งให้ยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการหรือยกเลิกการฟื้นฟูกิจการหรือพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ รวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใหม่ตามรูปคดี.

Share