คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 168/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการบริษัทโจทก์จำเลยที่ 2 เป็นผู้ช่วยผู้จัดการ. มีหน้าที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องรับผิดชอบร่วมกันเพื่อจัดการเกี่ยวกับกิจการค้า.ทำบัญชีรักษาผลประโยชน์และทรัพย์สินของบริษัทโจทก์. ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ได้ทำให้สินค้าบุหรี่ของบริษัทโจทก์ขาดหายไป. ทั้งนี้ เป็นด้วยการจงใจหรือประมาทเลินเล่อของจำเลยทั้งสองละเลยมิได้จัดการควบคุมดูแลรักษาตามหน้าที่. จำเลยทั้งสองให้การว่า สินค้าบุหรี่ของบริษัทโจทก์มิได้ขาดหาย.หรืออาจจะขาดหายไปก่อนจำเลยเข้ารับตำแหน่งหน้าที่ซึ่งจำเลยไม่รับรู้. ดังนี้ คำให้การของจำเลยเป็นข้อต่อสู้ในตัวว่าจำเลยทั้งสองมิได้ประมาทเลินเล่อทำให้บุหรี่ของบริษัทโจทก์ขาดหาย.
บุหรี่ของบริษัทโจทก์ขาดหายไปเนื่องจากความทุจริตของเจ้าหน้าที่ในบริษัทโจทก์. หากผู้จัดการและผู้ช่วยผู้จัดการบริษัทโจทก์ไม่ปล่อยปละละเลยต่อหน้าที่. ก็ย่อมจะทราบได้ว่าบุหรี่ขาดหายไปจากบัญชี การปล่อยปละละเลยเช่นนี้ถือได้ว่า เป็นการประมาทเลินเล่อทำให้บริษัทโจทก์เสียหายผู้จัดการและผู้ช่วยผู้จัดการบริษัทโจทก์ต้องรับผิด.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการ ผู้ช่วยผู้จัดการและสมุหบัญชีทำให้สินค้าบุหรี่ของโจทก์ขาดหายไป ขอให้ร่วมกันชดใช้ให้โจทก์ จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การว่าฟ้องเคลือบคลุม สินค้าบุหรี่ขาดหายก่อนจำเลยรับหน้าที่ การตรวจสอบยอดบุหรี่ไม่ถูกต้อง คดีเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา เมื่อคดียกฟ้องแล้วต้องถือตามข้อเท็จจริงในคดีอาญา จำเลยที่ 3 ที่ 6 ซึ่งเป็นทายาทของสมุหบัญชีให้การว่าสมุหบัญชีมีความรับผิดจัดทำบัญชีเกี่ยวกับการเงินไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับซื้อขายเก็บรักษาบุหรี่ จำเลยที่ 4 ที่ 5 ขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์ถอนฟ้องจำเลยทั้งสอง เดิม ศาลชั้นต้นเห็นว่าฟ้องเคลือบคลุมและต้องถือข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคดีอาญา จึงพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องไม่เคลือบคลุมคดีอาญายกฟ้องเพราะข้อเท็จจริงฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ไม่ตัดสิทธิโจทก์ฟ้องคดีส่วนแพ่ง พิพากษาให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ ศาลฎีกาพิพากษายืน ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 6 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันใช้เงินค่าบุหรี่ให้โจทก์ จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำฟ้องของโจทก์บรรยายชัดแจ้งว่าจำเลยที่1 เป็นผู้จัดการบริษัทโจทก์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ช่วย ร้อยเอกเชษฐฉิมะวงษ์ ซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้วเป็นสมุหบัญชีมีหน้าที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องรับผิดชอบร่วมกันเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของบริษัท กล่าวคือ จัดการเกี่ยวกับกิจการค้า ทำบัญชีรักษาผลประโยชน์และทรัพย์สินของบริษัทโจทก์ สำหรับจำเลยที่ 2 นั้น นอกจากเป็นผู้ช่วยจำเลยที่ 1 แล้ว ยังมีหน้าที่โดยเฉพาะเป็นผู้อำนวยการจัดการซื้อขายสินค้าบุหรี่ของบริษัทโจทก์ด้วย ระหว่างจำเลยที่ 1ที่ 2 และร้อยเอกเชษฐปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวนี้ ได้ทำให้สินค้าบุหรี่ของโจทก์ขาดหายไป มีชนิด จำนวน และราคา ตามบัญชีท้ายฟ้องทั้งนี้เป็นด้วยการจงใจหรือประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และร้อยเอกเชษฐละเลยมิได้จัดการควบคุมดูแลรักษาตามหน้าที่ จำเลยที่ 1ที่ 2 ให้การรับว่าได้เข้ารับตำแหน่งหน้าที่ในบริษัทโจทก์ตั้งแต่พ.ศ. 2500 จริง และมิได้โต้เถียงว่าจำเลยทั้งสองไม่มีหน้าที่ตามที่โจทก์กล่าวในฟ้อง จึงต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ยอมรับว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 มีหน้าที่ในบริษัทโจทก์ กล่าวคือ มีหน้าที่ควบคุมดูแลรักษาสินค้าบุหรี่อันเป็นทรัพย์สินของบริษัทโจทก์ และโดยเฉพาะจำเลยที่ 2 ยังมีหน้าที่อำนวยการจัดการซื้อขายบุหรี่ด้วย ดังศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาชอบแล้ว ส่วนปัญหาว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อ ละเลยต่อหน้าที่ ทำให้สินค้าบุหรี่ของโจทก์ขาดหายไปหรือไม่ ศาลฎีกาพิเคราะห์เห็นว่า คำให้การของจำเลยที่ 1ที่ 2 ต่อสู้อยู่ว่าสินค้าบุหรี่ของโจทก์มิได้ขาดหายไปตามฟ้องหรืออาจจะขาดหายไปก่อนจำเลยเข้ารับตำแหน่งหน้าที่ซึ่งจำเลยไม่รับรู้อันเป็นข้อต่อสู้อยู่ในตัวว่าจำเลยทั้งสองมิได้ประมาทเลินเล่อทำให้บุหรี่ของบริษัทโจทก์ขาดหาย บุหรี่ของบริษัทโจทก์ขาดหายไปเนื่องจากความทุจริตของเจ้าหน้าที่ในบริษัทโจทก์ หากจำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่ปล่อยปละละเลยต่อหน้าที่ หมั่นตรวจสอบสต๊อกบุหรี่ ก็ย่อมจะทราบได้ว่าบุหรี่ขาดหายไปจากบัญชี การปล่อยปละละเลยต่อหน้าที่เช่นนี้ถือได้ว่า เป็นการประมาทเลินเล่อทำให้บริษัทโจทก์เสียหาย จำเลยที่ 1 ที่ 2 ต้องรับผิด พิพากษายืน.

Share