แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีอาญาที่ศาลโปริสภาเคยรับไว้วินิจฉัยโดยพิจารณาดูว่าดคีพอจะลงโทษจำคุกจำเลยได้ไม่เกิน 6 เดือนแม้โจทก์จะขอมาในฟ้องเพียงแต่ให้ศาลสั่งไต่สวนแลสั่งฟ้องจำเลยยังศาลสูงต่อไป ศาลโปริสภาก็มีอำนาจที่จะพิจารณาแลพิพากษาคดีนั้นเสียเองได้
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลโปริสภาหาว่าสมคบกันฉ้อโกงโจทก์ ขอให้ศาลออกหมายเรียกจำเลยมาไต่สวนและสั่งโจทก์ให้ฟ้องจำเลยยังศาลพิจารณาพิพากษาต่อไป
ศาลล่างทั้ง ๒ ฟังว่าจำเลยไม่ได้ฉ้อโกงโจทก์ พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาว่า คดีเช่นนี้ไม่ใช่คดีมโนสาเร่ ศาลเดิมมีอำนาจกระทำการไต่สวนแต่พะยานโจทก์ฝ่ายเดียวเท่านั้น ถ้าเห็นคดีโจทก์มีมูลก็ส่งคดีให้ศาลสูงพิจารณาพิพากษาต่อไปเท่านั้น
ศาลฎีกาเห็นว่า อัตราโทษตามมาตรา ๓๐๔ มีกำหนดอย่างสูง ๓ ปี แลไม่มีอัตราโทษอย่างน้อยกำหนดไว้ คดีชนิดนี้ศาลโปริสภา เคยรับไว้วินิจฉัยโดยพิจารณาดูหลักฐานว่าคดีอยู่ในฐานะพอที่จะลงโทษจำคุกจำเลยเกินกว่า ๖ เดือนหรือไม่ถ้าอยู่ในฐานะจะลงโทษจำเลยไม่เกินกว่า ๖ เดือนแล้วก็รับไว้แลพิจารณาพิพากษาเสียเองโดยไม่ต้องสั่งให้ไปฟ้องยังศาลสูงอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งเป็นการสดวกแก่การชำระคดีโดยทำให้รวดเร็วขึ้น แลศาลฎีกาก็ได้เคยพิพากษามาแล้วว่า เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายโดยถือว่าศาลโปริสภามีอำนาจจะวินิจฉัยเองว่าจะเป็นความผิดมโนสาเร่หรือไม่จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง