แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องมือเพื่อทำการเลื่อยไม้ให้เปลี่ยนรูปหรือขนาดไปจากเดิมโดยไม่ได้รับอนุญาต และเจ้าพนักงานยึดไม้ยางพาราแปรรูปจำนวน 50 แผ่น ปริมาตร 0.00399 ลูกบาศก์เมตรและเครื่องเลื่อยวงเดือนขนาด 3 แรงม้า 2 เครื่อง ขนาด 5 แรงม้า1 เครื่อง และมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ลูก เป็นของกลาง โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับไม้ของกลางเพียงว่าเป็นไม้ที่ได้มาและมีไว้เนื่องจากการกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้แปรรูปไม้ของกลาง และไม้ของกลางมีจำนวนไม่เกิน 0.20ลูกบาศก์เมตร จำเลยจึงไม่อาจมีความผิดฐานมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯมาตรา 48 กรณีไม่อาจถือได้ว่าไม้แปรรูปของกลางได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ อันจะพึงริบได้ตามมาตรา 74 การกระทำผิดของจำเลยจึงเป็นเพียงการไม่ได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้เท่านั้นไม้แปรรูปของกลางจึงไม่อาจริบได้ ทั้งเครื่องมือเครื่องใช้ของกลางก็ไม่ใช่สิ่งที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดหรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตตาม มาตรา 74 ทวิจึงริบเครื่องเลื่อยวงเดือนและมอเตอร์ไฟฟ้าของกลางไม่ได้เช่นกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2530 เวลากลางวันถึงวันที่ 13 มกราคม 2531 เวลากลางวัน จำเลยได้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้ ณ บ้านเลขที่ 311-313 โดยใช้เครื่องมือคือ เครื่องเลื่อยวงเดือนขนาด 3 แรงม้า จำนวน 2 เครื่อง ขนาด 5 แรงม้า จำนวน 1เครื่อง และมอเตอร์ไฟฟ้า จำนวน 3 ลูก เพื่อทำการเลื่อยไม้ให้เปลี่ยนรูปหรือขนาดไปจากเดิม ทั้งนี้ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่และไม่มีเหตุอันได้รับยกเว้นตามกฎหมาย เจ้าพนักงานยึดได้ไม้แปรรูป ไม้ยางพาราจำนวน 50 แผ่น ปริมาตร 0.00399ลูกบาศก์เมตร ซึ่งจำเลยได้มาและมีไว้เนื่องจากการกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติ ป่าไม้ พ.ศ. 2484 และยึดเครื่องเลื่อยวงเดือนจำนวน3 เครื่อง มอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 3 ลูก ซึ่งเป็นเครื่องมือและเครื่องจักรกลที่จำเลยได้ใช้ในการตั้งโรงงานแปรรูปไม้ดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา47, 48, 73, 74, 74 ทวิ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503มาตรา 18 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518 มาตรา 19พระราชบัญญัติ ป่าไม้ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2522 มาตรา 9 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2525 มาตรา 4 ริบของกลาง จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 ประกอบมาตรา 73 วรรคแรก,มาตรา 47, 74 และมาตรา 74 ทวิ ที่แก้ไขแล้ว ให้จำคุก 6 เดือนปรับ 10,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก3 เดือน และปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกเห็นสมควรรอไว้มีกำหนด2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ของกลางให้คืนเจ้าของ โจทก์อุทธรณ์ขอให้ริบของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์เพียงว่า ศาลมีอำนาจริบของกลางหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามฟ้องว่า จำเลยตั้งโรงงานแปรรูปไม้ขึ้นเพื่อทำการแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องมือ คือ เครื่องเลื่อยวงเดือนขนาด 3 แรงม้าจำนวน 2 เครื่อง ขนาด 5 แรงม้า จำนวน 1 เครื่อง และมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 3 ลูก เพื่อทำการเลื่อยไม้ให้เปลี่ยนรูปหรือขนาดไปจากเดิม ทั้งนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานยึดไม้แปรรูป ไม้ยางพาราจำนวน 50 แผ่น ปริมาตร 0.00399 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งจำเลยได้มาและมีไว้เนื่องจากการกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ฯและเครื่องมือดังกล่าวที่ จำเลยได้ใช้ในการตั้งโรงงานแปรรูปไม้เป็นของกลาง ศาลฎีกาเห็นว่าสำหรับไม้ยางพาราแปรรูปจำนวน 50 แผ่นของกลางที่เจ้าพนักงานยึดมาจากจำเลยนั้น โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่าเป็นไม้ที่ได้มาและมีไว้เนื่องจากการกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2488 แต่ความผิดเกี่ยวกับไม้แปรรูปตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ มีหลายกรณีโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดตามบทมาตราใดในพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ นอกจากนี้ตามฟ้องของโจทก์ก็ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้แปรรูปไม้ของกลางดังกล่าว ทั้งหากจะถือว่าจำเลยมีไม้ยางพาราแปรรูปไว้ในครอบครองก็ปรากฏว่าไม้ของกลางมีจำนวนไม่เกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตร จึงไม่อาจมีความผิดฐานมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯมาตรา 48 ดังนี้ กรณีย่อมไม่อาจถือได้ว่าไม้แปรรูปของกลางได้มาหรือมีไว้เนื่องจากกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ อันจะพึงริบได้ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว มาตรา 74 เมื่อไม้แปรรูปของกลางไม่ใช่ไม้ที่ได้มาโดยการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯดังกล่าว การกระทำผิดของจำเลยจึงเป็นเพียงการไม่ได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้เท่านั้น ไม้แปรรูปของกลางจึงไม่อาจริบได้ ทั้งเครื่องมือและเครื่องใช้ของกลางก็ไม่ใช่สิ่งที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดหรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 74 ทวิแห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ ศาลจึงริบเครื่องเลื่อยวงเดือนและมอเตอร์ไฟฟ้าของกลางไม่ได้เช่นกัน”
พิพากษายืน