แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยที่2ได้ให้การต่อสู้เกี่ยวกับหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของโจทก์ไว้และยกปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องดังกล่าวซึ่งเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นอ้างเป็นประเด็นไว้ในคำแก้อุทธรณ์แล้วคดีจึงมีประเด็นตามคำแก้อุทธรณ์ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยให้ โจทก์มอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหาผิดสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันไปจนเสร็จการแม้ผู้รับมอบอำนาจโจทก์จะเคยฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหาดังกล่าวมาครั้งหนึ่งแล้วก็ตามแต่ในคดีเดิมศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีเพราะโจทก์ขาดนัดพิจารณากรณีจึงยังไม่เสร็จการตามที่ได้มอบอำนาจไว้การที่ผู้รับมอบอำนาจโจทก์อาศัยหนังสือมอบอำนาจที่เคยฟ้องจำเลยทั้งสองในคดีเดิมมาฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้ใหม่ภายในกำหนดอายุความในข้อหาเดิมอันเป็นมูลหนี้เดียวกันย่อมเป็นการฟ้องตามข้อกำหนดของหนังสือมอบอำนาจจึงไม่จำต้องทำหนังสือมอบอำนาจใหม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์หมายเลขทะเบียน9 ฉ-4290 กรุงเทพมหานคร จากโจทก์ในราคา 577,632 บาท ตกลงชำระเป็นรายเดือน รวม 48 งวด งวดละ 12,034 บาท โดยมีจำเลยที่ 2เป็นผู้ค้ำประกันยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาสัญญาเช่าซื้อเลิกกัน โจทก์ได้รถยนต์คืนในสภาพชำรุดทรุดโทรมโจทก์เสียหายขาดประโยชน์ที่จะได้ใช้รถยนต์พิพาทคิดเป็นค่าเช่าเดือนละ 6,000 บาท โจทก์นำรถยนต์ออกประมูลขายได้เงิน 276,000 บาทราคายังขาดอยู่อีก 277,564 บาท รวมเป็นเงิน 326,964 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี นับแต่วันยึดรถยนต์คืนถึงวันฟ้องเป็นดอกเบี้ย 75,201 บาท รวม 402,165 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 402,165 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การว่า โจทก์ไม่ได้มอบอำนาจให้นางสาวทิพวรรณบุรินทราภิบาล นางสาวอรุณี ไพรอร่าม คนใดคนหนึ่งเป็นผู้ฟ้องคดีนี้แทน เพราะหนังสือมอบอำนาจเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 ได้นำไปใช้ในการดำเนินคดีระหว่างโจทก์และจำเลยนี้มาครั้งหนึ่งแล้วและคดีดังกล่าวได้ถึงที่สุดไปแล้ว จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 165,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับตั้งแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาในข้อกฎหมายว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะผู้รับมอบอำนาจโจทก์ที่มาฟ้องจำเลยที่ 2เป็นคดีนี้ได้เคยฟ้องจำเลยที่ 2 ในมูลหนี้รายเดียวกันกับคดีนี้มาครั้งหนึ่งแล้วในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 4025/2536 ของศาลชั้นต้นโดยในการฟ้องคดีดังกล่าวผู้รับมอบอำนาจได้อาศัยหนังสือมอบอำนาจตามเอกสารหมาย จ.2 ซึ่งเป็นหนังสือมอบอำนาจเฉพาะคดีฟ้องจำเลยที่ 2ไปแล้ว ผู้รับมอบอำนาจจึงไม่สามารถนำมาใช้ฟ้องคดีนี้ได้อีกนอกเสียจากจะได้รับมอบอำนาจใหม่เท่านั้น จำเลยที่ 2 ได้ให้การต่อสู้มาและยกปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องดังกล่าวซึ่งเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นตั้งเป็นประเด็นไว้ในคำแก้อุทธรณ์การที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยให้จึงเป็นการไม่ชอบ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยที่ 2 ได้ยกปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องตามที่ฎีกามาซึ่งเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นว่ากล่าวมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แม้จำเลยที่ 2 จะมิได้อุทธรณ์โดยตรงแต่ได้ยกปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นประเด็นไว้ในคำแก้อุทธรณ์คดีจึงมีประเด็นตามคำแก้อุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ต้องวินิจฉัยให้เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยประเด็นข้อนี้ ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปทีเดียว ปรากฏตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.2ว่าโจทก์มอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจทั้งสองฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหาผิดสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันตั้งแต่วันที่ 18พฤศจิกายน 2535 เป็นต้นไปจนเสร็จการ ซึ่งถึงแม้ว่าผู้รับมอบอำนาจโจทก์ทั้งสองจะเคยฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหาผิดสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 4025/2536 ของศาลชั้นต้นมาครั้งหนึ่งแล้วก็ตาม แต่ในคดีดังกล่าวศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีเพราะโจทก์ขาดนัดพิจารณา กรณีจึงยังไม่เสร็จการตามที่ได้มอบอำนาจไว้ ดังนั้น การที่ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ทั้งสองได้อาศัยหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวที่เคยฟ้องจำเลยทั้งสองในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 4025/2536 ของศาลชั้นต้นมาฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้ใหม่ภายในกำหนดอายุความ ในข้อหาผิดสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันอันเป็นมูลหนี้รายเดียวกัน ย่อมเป็นการฟ้องตามข้อกำหนดของหนังสือมอบอำนาจ ไม่จำต้องทำหนังสือมอบอำนาจใหม่โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน