แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีสองสำนวนที่รวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกัน เมื่อสำนวน คดีแรก โจทก์ที่ ๒ มิได้เป็นคู่ความ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ โจทก์ที่ ๒ ร่วมใช้ค่าฤชาธรรมเนียมกับโจทก์ที่ ๑ ทั้งสองสำนวนโดย ไม่แยกเป็นรายสำนวน จึงไม่ถูกต้อง
ย่อยาว
คดีทั้งสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกัน โดยให้เรียกโจทก์ในสำนวนแรกและโจทก์ที่ ๑ ในสำนวนหลังว่า โจทก์ที่ ๑ เรียกโจทก์ที่ ๒ ในสำนวนหลังว่าโจทก์ที่ ๒
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องทั้งสองสำนวน ขอให้พิพากษาห้าม จำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์ทั้งสอง
จำเลยให้การทั้งสองสำนวนให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาห้ามจำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาท ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสอง โดยกำหนดค่าทนายความ ๔,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์ทั้งสองสำนวน
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ให้โจทก์ทั้งสอง ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความ รวม ๖,๐๐๐ บาท
โจทก์ทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีใน ศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษาให้โจทก์ที่ ๒ ร่วมใช้ค่าฤชาธรรมเนียมกับโจทก์ที่ ๑ ทั้งสองสำนวนโดยไม่แยก เป็นรายสำนวนไม่ถูกต้องเพราะสำนวนคดีแรกโจทก์ที่ ๒ มิได้ เป็นคู่ความแต่ประการใด
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์ที่ ๑ ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมสำนวน คดีแรกทั้งสามศาลแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความรวม ๒๐,๐๐๐ บาท กับให้โจทก์ทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมสำนวนคดี หลังทั้งสามศาล โดยกำหนดค่าทนายความรวม ๑๐,๐๐๐ บาท นอกจาก ที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๒