คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4005/2546

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยยื่นอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วเห็นว่าจำเลยไม่ได้เป็นคนยากจนจึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง จำเลยมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถานั้นใหม่ เพื่ออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคสี่ ซึ่งจำเลยก็ได้ยื่นคำร้องดังกล่าวตามคำร้องฉบับลงวันที่ 22 มกราคม 2545 และศาลชั้นต้นได้ไต่สวนและมีคำสั่งให้ยกคำร้อง อันเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดประเด็นในเรื่องขอให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถานั้นใหม่แล้ว การที่จำเลยกลับมายื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 14 มิถุนายน 2545 ขอให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนอีก ย่อมเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้นอันเกี่ยวกับประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๗,๐๐๗,๖๐๗ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๔๐ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องให้ไม่เกิน ๑,๔๖๘,๖๗๗.๖๓ บาท กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๒๐,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์และยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า จำเลยมีเงินพอเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ มิได้ยากจนจริง ให้ยกคำร้องของจำเลย ให้จำเลยนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมศาลมาชำระภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันฟังคำสั่ง วันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๔๕ จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ เพื่ออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจน ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลย และให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันฟังคำสั่ง ต่อมาวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๔๕ จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ เพื่ออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนอีก ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องแล้วมีคำสั่งว่า การยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำขอใหม่กระทำได้เมื่อศาลมีคำสั่งขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาที่ยื่นต่อศาลในครั้งแรก เมื่อจำเลยใช้สิทธิยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำขอใหม่ และศาลมีคำสั่งยกคำร้องแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำขอใหม่อีก จึงให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ มีคำสั่งว่า ตามคำร้องของจำเลยลงวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๔๕ เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคำร้องของจำเลยลงวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๔๕ จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๔ ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย หากจำเลยยังติดใจอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้น ก็ให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด ๑๕ วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่เพื่ออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจน ฉบับลงวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๔๕ เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำหรือไม่ เห็นว่า เมื่อจำเลยอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา และศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องดังกล่าว จำเลยก็มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถานั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๕๖ วรรคสี่ ซึ่งจำเลยก็ได้ยื่นคำร้องดังกล่าวตามคำร้องฉบับลงวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๔๕ และศาลชั้นต้นได้ไต่สวนและมีคำสั่งให้ยกคำร้อง จึงเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดประเด็นในเรื่องขอให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถานั้นใหม่แล้ว การที่จำเลยกลับมายื่นคำร้องฉบับลงวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๔๕ ขอให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถานั้นใหม่อีกในประเด็นเดียวกัน ย่อมเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้นอันเกี่ยวกับประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว อันเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๔ วรรคหนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งมานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ หากจำเลยประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์มาชำระต่อศาลชั้นต้นภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันฟังคำพิพากษานี้.

Share