แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยและ ส. (ผู้ตาย) ต่างขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความประมาทส. จึงมีส่วนในการกระทำผิดทางอาญาด้วย ดังนั้น ตามคำฟ้องของโจทก์ถือว่า ส. มิใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ป. โจทก์ร่วมซึ่งเป็นภริยาของ ส. จึงไม่มีอำนาจเข้ามาจัดการแทน ส. ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(2) และไม่มีสิทธิขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการซึ่งเป็นโจทก์เดิมได้ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ ป. เข้ามาเป็นโจทก์ร่วมจึงไม่ชอบ ป. ไม่มีสิทธิฎีกา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน กฉบ ชัยนาท 20 ไปตามถนนชัยนาท-สิงห์บุรี จากจังหวัดชัยนาท มุ่งหน้าไปจังหวัดสิงห์บุรี โดยประมาทด้วยความเร็วสูงถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้งหักขวา และมีนายสุนทร เมฆศรีสวรรค์ ขับรถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน จ ชัยนาท 4199 รออยู่ไหล่ทางเพื่อจะเลี้ยวตัดช่องเดินรถที่จำเลยขับ เพื่อเข้าสู่ช่องเดินรถที่จะมุ่งหน้าไปยังจังหวัดชัยนาท เมื่อจำเลยเห็นนายสุนทรขับรถจักรยานยนต์ออกจากไหล่ทาง จำเลยควรใช้ความระมัดระวังโดยการชะลอความเร็วรถลง และให้สัญญาณแตรเตือนให้นายสุนทรทราบว่ารถที่จำเลยขับกำลังจะแล่นผ่านมา ซึ่งจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่โดยจำเลยยังคงขับรถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วสูงไม่ให้สัญญาณแตรเตือน และนายสุนทรขับรถจักรยานยนต์ดังกล่าวด้วยความประมาทโดยไม่หยุดรอให้รถทางตรงแล่นผ่านไปก่อน กลับขับรถตัดข้ามช่องเดินรถที่จำเลยขับ จำเลยจึงไม่สามารถบังคับรถหลบหรือหยุดรถได้ทัน จึงเป็นเหตุให้รถทั้งสองคันเฉี่ยวชนกันเสียหาย นายสุนทรถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 157
จำเลยให้การรับสารภาพ
ระหว่างพิจารณา นางเปี๊ยก เมฆศรีสวรรค์ ภริยาผู้ตายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาตเฉพาะข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 (ที่ถูกเป็นมาตรา 43 (4)), 157 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90จำคุก 6 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลย 2 ปี ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่งแล้ว คงจำคุก 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ร่วมฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยในเบื้องต้นว่าโจทก์ร่วมมีสิทธิยื่นคำฟ้องฎีกาหรือไม่ คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยและนายสุนทร เมฆศรีสวรรค์ ต่างขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความประมาท นายสุนทรจึงมีส่วนในการกระทำผิดทางอาญาด้วย ดังนั้น ตามคำฟ้องของโจทก์ถือว่านายสุนทรมิใช่เป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) โจทก์ร่วมซึ่งเป็นภริยานายสุนทรจึงไม่มีอำนาจเข้ามาจัดการแทนนายสุนทรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 5(2) และไม่มีสิทธิขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการซึ่งเป็นโจทก์เดิมได้ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้นางเปี๊ยก เมฆศรีสวรรค์ เข้ามาเป็นโจทก์ร่วมจึงไม่ชอบให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเสีย ดังนี้ นางเปี๊ยกจึงไม่มีสิทธิยื่นคำฟ้องฎีกาด้วยศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาของนางเปี๊ยก”
พิพากษายกฎีกาของนางเปี๊ยก