คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 933/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในการโอนที่ดินเป็นเงินที่รัฐเรียกเก็บจากราษฎรเป็นค่าตอบแทนที่รัฐให้บริการแก่ราษฎรในการให้ราษฎรได้สิทธิหรือกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์โดยบริบูรณ์ทางทะเบียนโดยชอบด้วยกฎหมาย เงินค่าธรรมเนียมการโอนที่ดินมีโฉนดที่โจทก์ประมูลซื้อได้จากการขายทอดตลาดและจดทะเบียนรับโอนที่ดินตามคำสั่งศาลเป็นเงินค่าธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 103 เป็นเงินที่จำเลยเรียกเก็บจากโจทก์โดยชอบด้วยกฎหมาย แม้ต่อมาศาลได้มีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินที่โจทก์ประมูลซื้อได้ และได้ให้จดทะเบียนใส่ชื่อ ล. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์เหมือนเดิม แล้วให้เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดใหม่ การเพิกถอนการจดทะเบียนโอนที่ดินดังกล่าวไม่ใช่เกิดจากการกระทำของจำเลยซึ่งตามประมวลกฎหมายที่ดินก็ไม่มีบทบัญญัติไว้ให้จำเลยคืนเงินค่าธรรมเนียมการโอนที่ดินดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินค่าธรรมเนียมการโอนที่ดินคืนจากจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2525 เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการขายทอดตลาดที่ดิน โจทก์เป็นผู้ให้ราคาสูงสุด ศาลอนุญาตให้ขาย และในวันที่ 27 กรกฎาคม 2525 จำเลยที่ 2 ได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่โจทก์ซื้อได้จากการขายทอดตลาดดังกล่าวใส่ชื่อโจทก์ตามคำสั่งของศาล และได้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการโอนที่ดินค่าอากรแสตมป์ ค่าภาษีเงินได้จากการโอน เป็นเงิน 105,362 บาทต่อมาศาลฎีกาได้มีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินที่โจทก์ประมูลซื้อได้ จำเลยทั้งสองจึงไม่มีสิทธิรับค่าธรรมเนียมการโอนที่ดินที่โจทก์จ่ายไปแล้ว ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินค่าธรรมเนียมการโอนที่ดินจำนวน 78,447 บาท ให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การว่า เงินค่าธรรมเนียมการโอนที่ดินเป็นรายได้แผ่นดิน จำเลยที่ 2 ปฏิบัติไปตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดไว้โดยถูกต้องและสุจริต จึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวคดีโจทก์ขาดอายุความแล้วขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 78,447 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในการโอนที่ดินเป็นเงินที่รัฐเรียกเก็บจากราษฎรเป็นค่าตอบแทนที่รัฐให้บริการแก่ราษฎรในการให้ราษฎรได้สิทธิหรือกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์โดยบริบูรณ์ทางทะเบียนโดยชอบด้วยกฎหมาย เงินค่าธรรมเนียมการโอนที่ดินที่โจทก์ประมูลซื้อได้จากการขายทอดตลาด และจดทะเบียนรับโอนที่ดินตามคำสั่งศาล เป็นเงินค่าธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 103 เป็นเงินที่จำเลยเรียกเก็บจากโจทก์โดยชอบด้วยกฎหมาย แม้ต่อมาได้มีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินที่โจทก์ประมูลซื้อไว้ และได้ให้จดทะเบียนใส่ชื่อนายลพ วัฒชะธำรงค์ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์เหมือนเดิมแล้วให้เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดใหม่ การเพิกถอนการจดทะเบียนโอนที่ดินดังกล่าวไม่ใช่เกิดจากการกระทำของจำเลย ซึ่งตามประมวลกฎหมายที่ดินก็ไม่มีบทบัญญัติไว้ให้จำเลยคืนเงินค่าธรรมเนียมการโอนที่ดินดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินค่าธรรมเนียมการโอนที่ดินคืนจากจำเลย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ด้วยนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share