คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1430/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บัญชีผู้ถือหุ้น สำเนารายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นและคำขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมกรรมการเป็นสำเนาเอกสารที่พนักงานเจ้าหน้าที่รับรองความถูกต้องถือเป็นเอกสารมหาชน ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้อง เป็นหน้าที่ของจำเลยที่ถูกอ้างเอกสารนั้นมายันจะต้องนำสืบความไม่ถูกต้องแห่งเอกสารนั้น การที่จำเลยสั่งให้ อ. ทำรายงานว่า มีการประชุมวิสามัญครั้งที่ 1/2534 ซึ่งไม่มีการประชุมขึ้นจริงจึงเป็นการทำเอกสารเท็จการที่จำเลยร่วมกับ อ.ให้อ. ยื่นขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมกรรมการของบริษัท ก. ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดสมุทรปราการ โดยยื่นรายงานอันเป็นเอกสารเท็จดังกล่าวประกอบไปด้วย จนเป็นเหตุให้นายทะเบียนรับจดทะเบียนให้ เป็นการแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์และประชาชน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า บริษัทกิจกาญจน์เทรดดิ้ง จำกัด มีผู้ถือหุ้นทั้งหมด 7 คน โจทก์และจำเลยต่างเป็นผู้ถือหุ้นและกรรมการในบริษัทนี้เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2534 เวลากลางวัน จำเลยแจ้งให้นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดสมุทรปราการหรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสมุทรปราการรับจดข้อความเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการในเอกสารรายการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิ่มเติมกรรมการชุดใหม่ของบริษัทกิจกาญจน์เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์หรือผู้ถือหุ้นอื่น ๆ หรือประชาชนโดยทำเอกสารเท็จกรอกข้อความลงในแบบพิมพ์บอจ.4 รายการจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมบริษัทกิจกาญจน์เทรดดิ้งจำกัด เพื่อให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกรรมการของบริษัทกิจกาญจน์เทรดดิ้ง จำกัด คือ ให้นางสาววราภรณ์ กสิกิจนำชัยพ้นจากตำแหน่งกรรมการและแต่งตั้งกรรมการเข้าใหม่หนึ่งคนคือนางสาวประภาพรรณ นาคทอง แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจกรรมการผู้มีอำนาจผูกพันบริษัทโดยให้จำเลยแต่ผู้เดียวมีอำนาจลงลายมือชื่อประทับตราสำคัญของบริษัทมีอำนาจกระทำการแทนบริษัทได้ นอกจากนี้จำเลยทำเอกสารเท็จเป็นหลักฐานประกอบในการขอยื่นการจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมกรรมการ บริษัทกิจกาญจน์เทรดดิ้ง จำกัด คือจำเลยทำสำเนารายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2534 ของบริษัทกิจกาญจน์เทรดดิ้ง จำกัด ด้วยความเท็จทั้งฉบับโดยจำเลยอ้างว่ามีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์2534 โดยมีโจทก์จำเลยและผู้ถือหุ้นของบริษัทมาประชุมครบ 7 คนและที่ประชุมเลือกจำเลยเป็นประธานที่ประชุม มีการพิจารณาเรื่องกรรมการ โดยอ้างว่าโจทก์และผู้ถือหุ้นทั้งหมดลงมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้นางสาววราภรณ์พ้นจากตำแหน่งกรรมการ ตั้งนางสาวประภาพรรณเป็นกรรมการและให้จำเลยแต่ผู้เดียวลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญมีอำนาจกระทำการแทนบริษัทได้ และนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดสมุทรปราการรับจดข้อความอันเป็นเท็จที่จำเลยจัดทำขึ้นลงในเอกสารรายการแก้ไขเปลี่ยนแปลงกรรมการใหม่และจดข้อความเท็จที่จำเลยจัดทำขึ้นลงในเอกสารรายการแก้ไขเปลี่ยนแปลงกรรมการใหม่และจดข้อความเท็จดังกล่าวลงในเอกสารราชการ หรือในรายการขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิ่มเติมกรรมการใหม่ของบริษัทกิจกาญจน์เทรดดิ้ง จำกัด ที่สำนักงานหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดสมุทรปราการหรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่6 มีนาคม 2534 และเมื่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดสมุทรปราการรับจดทะเบียนตามหลักฐานเท็จที่จำเลยจัดทำขึ้นดังกล่าวมาแล้วก็ได้ออกหนังสือราชการฉบับใหม่รับรองอำนาจกรรมการชุดใหม่ที่จำเลยแก้ไขขึ้น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267, 268
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267, 268 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ซึ่งต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 แต่อัตราโทษตามกฎหมายทั้งสองบทเท่ากัน จึงให้ลงโทษตามมาตรา 267 จำคุก 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นผู้ถือหุ้นและกรรมการของบริษัทกิจกาญจน์เทรดดิ้ง จำกัด นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดสมุทรปราการรับจดทะเบียนที่จำเลยขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมจำนวนกรรมการและจำนวนหรือชื่อกรรมการซึ่งลงชื่อผูกพันบริษัทของบริษัทกิจกาญจน์เทรดดิ้ง จำกัด โดยให้นางสาววราภรณ์ กสิกิจนำชัยออกจากตำแหน่งกรรมการและให้นางสาวประภาพรรณ นาคทอง เป็นกรรมการเข้าใหม่ จำเลยเพียงผู้เดียวเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัทได้ ขณะยื่นคำร้องขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมมีสำเนารายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2534 แนบไปด้วยและนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดสมุทรปราการออกหนังสือรับรองความเป็นนิติบุคคลของบริษัทกิจกาญจน์เทรดดิ้ง จำกัด ว่านางสาวประภาพรรณ นาคทอง เป็นกรรมการของบริษัทและจำเลยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัทผูกพันบริษัทได้ บัญชีผู้ถือหุ้น สำเนารายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นและคำขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมกรรมการอันเป็นสำเนาเอกสารที่พนักงานเจ้าหน้าที่รับรองความถูกต้องถือเป็นเอกสารมหาชน ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องเป็นหน้าที่ของจำเลยที่ถูกอ้างเอกสารนั้นมายันจะต้องนำสืบความไม่ถูกต้องแห่งเอกสารนั้น แล้ววินิจฉัยว่าโจทก์เป็นผู้ถือหุ้นและเป็นกรรมการของบริษัทกิจกาญจน์เทรดดิ้ง จำกัด จึงเป็นผู้เสียหายและมีอำนาจฟ้อง
ส่วนปัญหาว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่วินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ไม่มีการประชุมวิสามัญ ครั้งที่ 1/2534 การที่จำเลยสั่งให้นายอำนาจทำรายงานว่า มีการประชุมวิสามัญ ครั้งที่1/2534 จึงเป็นการทำเอกสารเท็จ และการที่จำเลยร่วมกับนายอำนาจและให้นายอำนาจยื่นขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมกรรมการของบริษัทกิจกาญจน์เทรดดิ้ง จำกัด ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดสมุทรปราการ โดยยื่นสำเนารายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2534 อันเป็นเอกสารเท็จประกอบไปด้วย จนเป็นเหตุให้นายทะเบียนรับจดทะเบียนให้ เป็นการแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชน ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์และประชาชน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 แต่ข้อเท็จจริงในคดีไม่ปรากฏว่าจำเลยได้นำเอกสารที่จำเลยแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จดังกล่าวไปใช้หรืออ้างแต่ประการใด ที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทลงโทษแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268ด้วยจึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไข
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share