แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา เนื่องด้วยจำเลยที่ 2 ได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์เป็นเงิน 400,000 บาท และบุคคลภายนอกได้มาชำระหนี้แทนจำเลยที่ 1 ในหนี้ที่เหลืออีก 63,916.76 บาทดังนั้นเมื่อรวมเงินที่ได้จากจำเลยที่ 1 และที่ 2 แล้วโจทก์ได้รับครบด้วน โจทก์จึงขอถอนฎีกาขอถอนหมายบังคับคดีและขอถอนคำร้องขอให้เรียกทายาทเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 1 ฉบับลงวันที่ 24 สิงหาคม 2536 และโปรดคืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาให้โจทก์เป็นกรณีพิเศษด้วย โปรดอนุญาต
หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่ส่วนจำเลยที่ 2 แถลงท้ายคำร้องว่า ไม่คัดค้าน (อันดับ 206)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้แก่โจทก์268,045.23 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 18 เมษายน 2524 จนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์หากไม่ชำระให้เอาที่ดินโฉนดเลขที่ 378 เลขที่ 5ตำบลขันเงิน อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาด หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสอง ออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ แต่จำเลยที่ 2 รับผิดไม่เกินจำนวน500,000 บาท
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกัน ชำระดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2526 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา (อันดับ 198)
ระหว่างการส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยที่ 1 โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลหมายเรียกทายาทของจำเลยที่ 1 เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 1 ผู้มรณะระหว่างศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องโจทก์ยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 206,232) โดยทนายโจทก์ซึ่งมีอำนาจถอนฟ้องลงชื่อในคำร้อง (อันดับ 197)
คำสั่ง
โจทก์ขอถอนฎีกาก่อนจำเลยทั้งสองยื่นคำแก้ฎีกาจึงทำเป็นคำบอกกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 175วรรคแรก ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 247ไม่ต้องเสียค่าคำร้องอนุญาตให้โจทก์ถอนฎีกาได้ตามคำร้องเมื่ออนุญาต ให้โจทก์ถอนฎีกาจำเลยที่ 1 แล้ว จึงไม่จำต้องสั่งคำร้องขอถอนคำร้องให้เรียกทายาทจำเลยที่ 1 เข้าเป็นคู่ความแทนอีก ส่วนเรื่องการขอถอนการบังคับคดีเป็นหน้าที่ศาลชั้นต้นจะพิจารณาสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความศาลฎีกา คืนค่าขึ้นศาลให้สามในสี่