คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3992/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ใช้ทางพิพาทเดินผ่านที่ดินของจำเลยที่ 1เกินกว่า 10 ปี แม้เดิมโจทก์จะสำคัญผิดว่าเป็นของโจทก์ครึ่งหนึ่งโดยเป็นคันนาแบ่งเขตที่ดินของทั้งสองฝ่าย แต่โจทก์มีเจตนาถือเอาทางพิพาททั้งหมดเป็นทางเดินผ่าน ถือได้ว่าโจทก์ใช้ทางพิพาททั้งหมดโดยความสงบ เปิดเผยและด้วยเจตนาใช้เป็นทางของโจทก์ ทางพิพาทจึงตกเป็นทางภารจำยอมเพื่อประโยชน์ของโจทก์ก่อนแล้ว การที่เจ้าพนักงานที่ดินรังวัดที่ดินของจำเลยที่ 1 แล้ว ปรากฏว่าทางพิพาทอยู่ในเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 โจทก์ก็ยังคงใช้ทางพิพาทต่อมาโดยมิได้สละสิทธิ ทางพิพาทจึงยังคงเป็นทางภารจำยอมเช่นเดิม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ปลูกบ้านในที่ดินโฉนดที่ 1706 ซึ่งโจทก์มีกรรมสิทธิ์ร่วมกับบุคคลอื่น จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 15312 จำเลยที่ 2 เป็นผู้เช่าที่ดินของจำเลยที่ 1 โจทก์และบริวารใช้ที่ดินของจำเลยที่ 1 ทางตอนเหนือเป็นทางเดินผ่านไปสู่ที่นากว้าง 2 เมตร ยาว 200 เมตร เพื่อนำกระบือล้อเลื่อนและรถไถนาเข้าออก ใช้เป็นทางสัญจรตั้งแต่ปลูกบ้าน เมื่อที่ดินดังกล่าวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 โจทก์ยังคงใช้ทางเช่นเดิมตลอดมาเกินกว่า 10 ปีแล้วโดยไม่มีใครขัดขวางหรือห้ามปราม ต่อมาจำเลยที่ 2 โดยคำสั่งของจำเลยที่ 1 นำต้นไม้ไปปลูกบนทางพิพาทเป็นเหตุให้โจทก์ใช้ทางพิพาทไม่ได้ตามปกติ ขอให้จำเลยทั้งสองเปิดทางเดินในที่ดินโฉนดที่ 15312 กว้าง 2 เมตร ยาว 200 เมตรให้จำเลยที่ 1 ไปจดทะเบียนภารจำยอม หากไม่จัดการให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา

จำเลยทั้งสองให้การว่า เดิมที่ดินของจำเลยที่ 1 เป็นของบุคคลอื่นมีแนวคันนาติดต่อกับที่ดินโจทก์กว้าง 1 ศอกเศษ ยาว 50 – 60 เมตร ต่อมาเมื่อที่ดินตกเป็นของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินรังวัดปรากฏว่าแนวคันนาเป็นของจำเลยที่ 1 ทั้งหมด คันดินที่โจทก์อ้างว่าเป็นทางพิพาทเป็นคันสวนของจำเลยที่ 1 และอยู่ห่างจากแนวคันนาเป็นคันสวนที่จำเลยขุดทำเพื่อป้องกันน้ำท่วม โจทก์ใช้ร่วมมาประมาณ 5 ปียังไม่เป็นภารจำยอม ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองเปิดทางเดินพิพาทในที่ดินโฉนดเลขที่ 15312 กว้าง 2 เมตร ยาว 200 เมตร ให้จำเลยที่ 1 ไปจดทะเบียนภารจำยอมทางเดินพิพาทดังกล่าวหากไม่จัดการให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองเปิดทางเดินพิพาทกว้าง 1 ศอก 1 คืบ ยาว 200 เมตร นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่โจทก์ใช้ทางพิพาทเดินผ่านที่ดินของจำเลยที่ 1 เป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี แม้เดิมโจทก์จะสำคัญผิดว่าเป็นของโจทก์ครึ่งหนึ่งโดยเป็นคันนาแบ่งเขตที่ดินของทั้งสองฝ่าย แต่โจทก์มีเจตนาถือเอาทางพิพาททั้งหมดเป็นทางเดินผ่าน ถือได้ว่าโจทก์ใช้ทางพิพาททั้งหมดโดยสงบ โดยเปิดเผย และด้วยเจตนาใช้เป็นทางของโจทก์ ทางพิพาทจึงตกเป็นทางภารจำยอมเพื่อประโยชน์ของโจทก์ก่อนแล้ว การที่จำเลยที่ 1 ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินรังวัดที่ดินของจำเลยที่ 1 แล้วปรากฏว่าทางพิพาทอยู่ในเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 โจทก์ก็ยังคงใช้ทางพิพาทเดินผ่านต่อมาหาได้สละสิทธิดังจำเลยทั้งสองฎีกาไม่ ทางพิพาทจึงยังคงเป็นทางภารจำยอมเช่นเดิม

พิพากษายืน

Share