แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของ ฉ. ซึ่งเป็นบิดาโจทก์ แม้คำฟ้องของโจทก์จะไม่ได้บรรยายว่าทรัพย์สินของ ฉ.กับจำเลยซึ่งเป็นภริยาใหม่ของฉ. ที่มีอยู่ในระหว่างอยู่กินร่วมกันมีอะไรบ้าง ก็ไม่ทำให้ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม เพราะรายการทรัพย์สินของผู้ตายเป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาของศาลได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบุตรของนายฉลอง ยืนยั่ง กับนางมาลี บุญไชย นายฉลองถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2530ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดก แต่จำเลยเพิกเฉยไม่กระทำการตามหน้าที่โดยไม่ได้ลงมือทำบัญชีทรัพย์มรดกไม่ทำรายงานแสดงบัญชีการจัดการและไม่แบ่งปันทรัพย์มรดกกลับทำการเบียดบังจดทะเบียนโอนทรัพย์มรดกที่ดินจากในฐานะผู้จัดการมรดกให้แก่ตนในฐานะส่วนตัว ทำให้โจทก์และทายาทอื่นได้รับความเสียหาย จำเลยไม่สมควรเป็นผู้จัดการมรดกของนายฉลองต่อไปโจทก์ไม่เป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎหมาย ขอให้เพิกถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนายฉลอง ยืนยั่ง และแต่งตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกแทน กับให้เพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนโอนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก.) ทะเบียนเลขที่ 1541เล่ม 16 ก. หน้า 41 เลขที่ดิน 90 ตำบลดงบัง อำเภออำนาจเจริญจังหวัดอุบลราชธานี ลงวันที่ 28 มกราคม 2531 ที่จำเลยรับโอนในฐานะผู้จัดการมรดกและรับโอนในฐานะส่วนตัวและให้ที่ดินแปลงดังกล่าวตกเป็นทรัพย์มรดกของนายฉลอง ยืนยั่ง ตามเดิม หากจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามขอให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โดยไม่บรรยายฟ้องให้ชัดแจ้งว่านอกจากที่ดินตามฟ้องแล้ว นายฉลอง ยืนยั่ง กับจำเลยมีทรัพย์สินที่ทำมาร่วมกันอะไรบ้าง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนายฉลอง ยืนยั่ง ให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ทะเบียนเลขที่ 1541ที่จำเลยรับโอนในฐานะผู้จัดการมรดกและรับโอนในฐานะส่วนตัวและให้ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นมรดกของนายฉลอง ยืนยั่ง และมีคำสั่งตั้งนางนภาพร ยืนยั่ง โจทก์ เป็นผู้จัดการมรดกของนายฉลอง ยืนยั่งแทนกับให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิ่มเติมข้อความว่าหากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยต่อจากประโยคที่ว่า “และให้ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นมรดกของนายฉลอง ยืนยั่ง” นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่านายฉลอง ยืนยั่ง และนางมาลี บุญไชย อยู่กินร่วมกันฉันสามีภริยามีบุตรด้วยกัน 2 คน คือโจทก์กับนางวาสนา ถนอมเมืองนายฉลอง จดทะเบียนรับรองโจทก์และนางวาสนาเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายตามสำเนาภาพถ่ายทะเบียนการรับรองบุตรและบันทึกเอกสารหมาย จ.1 และ จ.2 ต่อมาปี 2506 นายฉลอง กับนางมาลีเลิกอยู่กินกัน แล้วนายฉลองได้จำเลยเป็นภรรยาและมีบุตรด้วยกัน 3คน ก่อนนายฉลองสมรสกับจำเลย นายฉลองมีที่ดิน 1 แปลงปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เอกสารหมาย จ.4 ระหว่างอยู่กินกับจำเลย นายฉลองมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นคือ รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าคันหมายเลขทะเบียน น-8364 อุบลราชธานีมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของนายฉลองถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม2530 ตามสำเนาภาพถ่ายมรณบัตรเอกสารหมาย จ.3 จำเลยจึงยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกและศาลชั้นต้นมีคำสั่งแต่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนายฉลองจำเลยจึงไปจดทะเบียนโอนที่ดินแปลงดังกล่าวของนายฉลองเป็นชื่อจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกและจากชื่อจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกเป็นชื่อจำเลยในฐานะส่วนตัว
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยประการแรกว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ จำเลยฎีกาในประเด็นนี้ว่า โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องให้ชัดแจ้งว่าทรัพย์ที่นายฉลอง ยืนยั่ง กับจำเลยหามาได้ร่วมกันในระหว่างเป็นสามีภรรยามีอะไรบ้าง ศาลฎีกาเห็นว่า แม้คำฟ้องของโจทก์จะไม่ได้บรรยายว่าทรัพย์สินของนายฉลองกับจำเลยในระหว่างอยู่กินร่วมกันมีอะไรบ้างก็ไม่ทำให้ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเพราะรายการทรัพย์สินของผู้ตายเป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาของศาลได้”
พิพากษายืน