แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีที่มีของกลางนั้น ในคำพิพากษาของศาลจะต้องกล่าววินิจฉัยในเรื่องของกลางเมื่อฟังว่าของกลางที่จำเลยรับไว้เป็นของผู้เสียหายและไม่ได้ความว่าจำเลยรับไว้ตามประมวลแพ่ง ฯ มาตรา 1332 แล้ว ก็ต้องส่งคืนให้ผู้เสียหาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่านางลี นพแก้ว มอบเรือและของใช้ประจำเรือกับเกลือ ๑๒ เกวียน ให้นายจำรัศ น้อยสุวรรณ กับพวกไปขายแล้วนายจำรัสกับพวกได้ยักยอกทรัพย์ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย ต่อมาจำเลยทั้ง ๒ ได้ รับของโจรนั้นไว้ จึงของให้ลงโทษ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยไม่มีความผิด จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิดดังฟ้อง จึงพิพากษายืนส่วนข้อที่ศาลชั้นต้นไม่สั่งคืนของกลางให้ผู้เสียหายนั้น เป็นดุลยพินิจของศาลจะสั่งคืนของกลางหรือไม่ก็ได้ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๔๙
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า ของกลางในคดีศาลล่างทั้ง ๒ ฟังมาว่าเป็นของผู้เสียหายและตามมาตรา ๑๘๖(๙) ประมวลวิธีพิจารณาความอาญา คำพิพากษาหรือคำสั่งต้องมีคำวินิจฉัยในเรื่องของกลาง สำหรับความมาตรา ๔๙ ก็มิได้กระทบกระเทือนลบล้างหรือขัดแย้งกับมาตรา ๑๘๖ เพราะ มาตรา ๑๘๖ เพียงแต่บัญญัติว่า ในคดีที่มีของกลางศาลจำต้องวินิจฉัยถึงของกลางนั้น แต่จะพิพากษาหรือสั่งในเรื่องของกลางนั้นอย่างใดก็แล้วแต่ข้อเท็จจริงในคดี อนึ่งตามทางพิจารณาก็มิได้ความว่า จำเลยซื้อของกลางรายนี้อันเข้าเกณฑ์อยู่ในประมวลแพ่ง ฯ มาตรา ๑๓๓๒ จึงพิพากษาให้คืนของกลางให้ผู้เสียหาย ความอื่นนอกนี้คงพิพากษายืน