คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3968/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่ศาลกำหนดจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนให้จำเลยชดใช้นั้น มิใช่ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายตั้งแต่วันพิพากษาหรือวันที่โจทก์ ได้ชำระเงินค่าซ่อมแซมทรัพย์ที่ถูกจำเลยทำละเมิด แต่เป็น การที่ศาลกำหนดค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับความเสียหายมาแล้ว ตั้งแต่วันทำละเมิด ดังนั้น จำเลยจึงต้องเสียดอกเบี้ยในจำนวนเงิน ที่จะต้องชดใช้ตั้งแต่วันทำละเมิดซึ่งเป็นวันผิดนัดตามมาตรา 206

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์ด้วยความประมาทชนเสาเหล็กโคมไฟฟ้าส่องสว่างถนนสาธารณะ และโคมไฟฟ้ากิ่งคู่ของโจทก์เสียหายต้องซ่อมแซมคิดเป็นเงิน 121,494.82 บาท จำเลยผิดนัดตั้งแต่วันทำละเมิดขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 142,964.55 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 121,494.82 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน121,494 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่30 กันยายน 2539 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ วรรคหนึ่ง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า วันที่22 กรกฎาคม 2538 จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทชนเสาไฟฟ้าและโคมไฟของโจทก์เสียหาย ต่อมาวันที่ 30 กันยายน 2539 โจทก์ชำระค่าซ่อมแซมทรัพย์สินดังกล่าวเป็นเงิน 121,494.82 บาท มีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า จำเลยต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์นับแต่วันกระทำละเมิดหรือไม่ เห็นว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 206 บัญญัติว่าในกรณีหนี้อันเกิดแต่มูลละเมิด ลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัดมาแต่เวลาที่ทำละเมิดเมื่อจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ จึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์การที่ศาลกำหนดจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนให้จำเลยชดใช้นั้นมิใช่ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายตั้งแต่วันพิพากษาหรือวันที่โจทก์ได้ชำระเงินค่าซ่อมแซมทรัพย์ที่ถูกจำเลยทำละเมิด ศาลเป็นแต่กำหนดค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับความเสียหายมาแล้วตั้งแต่วันทำละเมิด และกฎหมายก็บัญญัติไว้ให้ถือว่าจำเลยผิดนัดตั้งแต่วันทำละเมิด ดังนั้นจำเลยจึงต้องเสียดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่จะต้องชดใช้ตั้งแต่วันทำละเมิด ที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในเงินค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์นับแต่วันที่โจทก์ชำระเงินค่าซ่อมเสาไฟฟ้าและเปลี่ยนโคมไฟแก่การไฟฟ้านครหลวง ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 22 กรกฎาคม 2538 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share