แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยตั้งใจจะหนีให้พ้นการจับกุม เป็นการจวนตัวจึงได้แทงไปหมายจะเอาตัวรอดเท่านั้นทั้งบาดแผลที่ตำรวจถูกแทงที่คอก็มีขนาดเล็ก กว้าง 3/4 เซนติเมตรยาว3/4เซนติเมตร ลึก 1 เซนติเมตร ต่อมาประมาณ 1 เดือน ตำรวจก็ตายเพราะแผลที่เย็บไม่ติดกัน ให้อาหารไม่ได้โดยอาหารรั่วออกทางแผล ร่างกายทรุดโทรมลงจนกระทั่งตายเช่นนี้ถือว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะฆ่าให้ถึงตายจำเลยยังไม่มีผิดฐานฆ่าเจ้าพนักงานตาม มาตรา 289 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำร้ายเจ้าพนักงานจนถึงตาย ตามมาตรา 290 วรรคท้าย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยที่ 2 ผิดฐานทำร้ายเจ้าพนักงานจนถึงตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคท้ายจำคุก 18 ปี ลด 1 ใน 3 ตาม มาตรา 78คงจำคุก 12 ปี โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานฆ่าเจ้าพนักงานตามมาตรา 289 ศาลฎีกาเห็นด้วยกับศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 2 ไม่ผิดตามมาตรา 289 คงผิดตามมาตรา 290 วรรคท้าย แต่ศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์วางโทษเบาและลดโทษให้มากไปศาลฎีกามีอำนาจแก้เป็นให้จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 20 ปีลดโทษให้ 4 ปีคงจำคุก 16 ปีได้ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ ทำร้ายร่างกายสาหัสต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานและฆ่าเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138, 289, 339 กับขอให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีอาญาแดงที่ 529/2500
จำเลยทั้งสองปฏิเสธ จำเลยที่ 1 รับว่าเป็นคน ๆ เดียวกับจำเลยในคดีแดงที่ 529/2500 จริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานสมคบกันชิงทรัพย์ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัส และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน กระทำการตามหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 138 โดยเฉพาะจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานฆ่าเจ้าพนักงานกระทำการตามหน้าที่ ตามมาตรา 289 อีกสถานหนึ่ง ลงโทษจำเลยที่ 1 จำคุก 9 ปีลงโทษจำเลยที่ 2 ให้ประหารชีวิต จำเลยทั้งสองรับข้อเท็จจริงบางประการในชั้นสอบสวนและชั้นศาลเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 คงลงโทษจำเลยที่ 1 จำคุก 6 ปีนับโทษต่อจากคดีแดงที่ 529/2500 จำคุกจำเลยที่ 2 ตลอดชีวิตกับให้จำเลยทั้งสองคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังขาด
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เชื่อข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น เว้นแต่ข้อที่ว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาฆ่า ส.ต.ต.เล็ด ยังฟังไม่ได้ว่ามีเจตนาฆ่าและฟ้องโจทก์ไม่ได้กล่าวหาว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน จะลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานนี้ไม่ได้ พิพากษาแก้ศาลชั้นต้นเฉพาะข้อที่ชี้ขาดว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานฆ่าเจ้าพนักงานตามมาตรา 289 เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานทำร้ายเจ้าพนักงานถึงตายตาม มาตรา 290 วรรคท้าย วางโทษจำเลยที่ 2 จำคุก 18 ปีลดตามมาตรา 78 อีก 1 ใน 3 คงจำคุก 12 ปี ส่วนจำเลยที่ 1 ให้ยกบทลงโทษตาม มาตรา 138 ออกเสียโทษคงเดิม
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289
จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าไม่ได้ทำผิด
ศาลฎีกาเชื่อว่า จำเลยเป็นคนร้ายรายนี้จริง แต่ที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษฐานฆ่าเจ้าพนักงานโดยเจตนานั้น พิเคราะห์แล้วเชื่อว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะฆ่าให้ถึงตาย จำเลยตั้งใจจะหนีให้พ้นการจับกุมเป็นการจวนตัวจึงได้แทงไปหมายจะเอาตัวรอดเท่านั้น ทั้งแผลที่ ส.ต.ต.เล็ดถูกแทง (ซึ่งตามฟ้องว่าถูกแทงที่คอ) ก็มีขนาดเล็กกว้าง 3/4 เซนติเมตร ยาว 3/4 เซนติเมตร ลึก 1 เซนติเมตร (โจทก์นำสืบว่า ส.ต.ต.เล็ดถูกแทงที่คอลึกถึงหลอดอาหาร ต้องเย็บแผลถึง 2 ครั้งเย็บแล้วแผลที่เย็บไม่ติดกัน ให้อาหารไม่ได้ โดยอาหารรั่วออกทางแผลร่างกายทรุดโทรมลงไป เหตุเกิดคืนวันที่ 1-2 เมษายน 2500 ติดต่อกันในที่สุด ส.ต.ต.เล็ดตายเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2500) จึงยังไม่ควรลงโทษจำเลยที่ 2 ถึงคั่นฆ่าเจ้าพนักงานโดยเจตนา
ตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาวางโทษจำคุกจำเลย 18 ปี ลด 1 ใน 3เหลือ 12 ปี ศาลฎีกาเห็นว่า วางโทษเบาและลดโทษให้มากไป จำเลยแทงผู้เสียหายถูกเอว ต้องรักษาตัวอยู่เดือนเศษ และแทงตำรวจผู้ทำการจับกุม ในที่สุดตำรวจตายเพราะการกระทำของจำเลย เป็นการกระทำผิดอย่างร้ายแรง พยานโจทก์ยืนยันมั่นคงว่า จำเลยเป็นคนร้าย คำรับของจำเลยมีประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากนัก ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ให้วางโทษจำคุกจำเลยที่ 2 กำหนด 20 ปี ลดโทษให้ 4 ปี คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 16 ปี นอกจากนี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์