แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยมิได้ดำเนินการโต้แย้งความถูกต้องของสำเนาเอกสารก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาตามขั้นตอนที่พึงปฏิบัติที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 125 วรรคสามและวรรคสี่กำหนดไว้ ถือได้ว่าเป็นการตกลงรับรอง ความถูกต้องแห่งสำเนาเอกสารดังกล่าว และผู้อ้างไม่จำต้องส่งต้นฉบับเอกสาร อีกตามมาตรา 93(1) สำเนาเอกสารนั้นย่อมรับฟังได้เสมอกับต้นฉบับ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 402,389.05 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การต่อสู้คดีขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 402,389.05 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 17 มิถุนายน 2540 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ในส่วนของดอกเบี้ยให้คิดนับแต่วันที่ 17 เมษายน 2540 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่สามารถนำสืบให้ได้ความว่า จำเลยเป็นผู้สั่งซื้อสินค้าพิพาทจากโจทก์นั้น เห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมีพร้อมทั้งพยานบุคคลและเอกสารที่สนับสนุนว่าการสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ล้วนแต่ดำเนินการโดยลูกจ้างของจำเลยและในนามของจำเลยทั้งสิ้น ซึ่งข้อนี้จำเลยนำสืบยอมรับโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ลงชื่อในเอกสารหมาย จ.3 คือใบสั่งซื้อและเอกสารหมาย จ.9 ใบรับวางบิลรวม 2 ฉบับ ลงชื่อโดยลูกจ้างของจำเลยและเป็นเอกสารที่มีชื่อจำเลยปรากฏชัดแจ้งเป็นเอกสารของจำเลยทั้งสิ้น พยานหลักฐานโจทก์จึงพอเพียงที่จะรับฟังได้ความตามที่ฟ้องแล้ว
ส่วนปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยอ้างว่าเอกสารหมาย จ.3 เป็นเพียงสำเนาเอกสารต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 93 มิให้รับฟังนั้น เห็นว่า จำเลยมิได้ดำเนินการโต้แย้งความถูกต้องของสำเนาเอกสารก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาตามขั้นตอนที่พึงปฏิบัติที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 125 วรรคสามและวรรคสี่ กำหนดไว้ ถือได้ว่าเป็นการตกลงรับรองความถูกต้องแห่งสำเนาเอกสารดังกล่าว และผู้อ้างคือโจทก์ไม่จำต้องส่งต้นฉบับเอกสารอีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(1) สำเนาเอกสารนั้นย่อมรับฟังได้เสมอกับต้นฉบับโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังปรากฏว่าจำเลยได้ยอมรับขณะตอบคำถามค้านถึงรายการสินค้าว่า เป็นสินค้าตามที่ตกลงกันและลายมือชื่อที่ปรากฏในสำเนาเอกสารดังกล่าวก็เป็นของลูกจ้างจำเลย พยานหลักฐานจำเลยจึงรับฟังได้ความเจือสมพยานหลักฐานโจทก์ สำเนาพยานเอกสารหมาย จ.3 จึงฟังได้แน่ชัดว่าเป็นความจริงตามที่ปรากฏในเอกสารนั้นทุกประการ ฎีกาของจำเลยนอกจากจะฟังไม่ขึ้นแล้ว การอ้างข้อกฎหมายดังกล่าวขึ้นต่อสู้ของจำเลยที่ปรากฏยังส่อลักษณะเป็นวิธีการต่อสู้ที่ไม่สุจริตด้วย”
พิพากษายืน