แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในข้อหาร่วมกันแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เป็นธุระจัดหา จัดให้อยู่ในอาศัยหรือรับไว้ซึ่งบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี แม้ผู้นั้นจะยินยอม อันเป็นการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6 (1), 52 วรรคสอง และความผิดต่อเสรีภาพตาม ป.อ. มาตรา 312 ตรี วรรคแรก ข้อหาร่วมกันเป็นเจ้าของกิจการค้าประเวณีซึ่งมีบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีทำการค้าประเวณีอยู่ด้วย อันเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 11 วรรคสอง ข้อหาร่วมกันเป็นธุระจัดหาบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณีอันเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 9 วรรคสอง และข้อหาร่วมกันเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิงอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม อันเป็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับเพศตาม ป.อ. มาตรา 282 วรรคสอง เมื่อข้อเท็จจริงรับฟัง เป็นยุติว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดในข้อหาดังกล่าวตามที่โจทก์กล่าวอ้างในฟ้องโดยจำเลยทั้งสองเป็นผู้ร่วมกันแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เป็นธุระจัดหา จัดให้อยู่อาศัยหรือรับไว้ซึ่งบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี แม้ผู้นั้นจะยินยอม ร่วมกันเป็นธุระจัดหาบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณีและร่วมกันเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิงอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม จึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 9 วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 ส่วนความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าของกิจการการค้าประเวณีซึ่งมีบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีทำการค้าประเวณีกฎหมายมุ่งที่จะบังคับแก่ผู้จัดการกิจการหรือสถานที่ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการค้าประเวณีหรือเพื่อใช้ในการติดต่อหรือจัดหาบุคคลเพื่อกระทำการค้าประเวณีเป็นการเฉพาะ จึงเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่ง มิใช่กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 282, 312 ตรี พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 4, 6, 52 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 4, 9, 11 พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 4, 64 พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2551 มาตรา 27, 54
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 828 วรรคสอง (ที่ถูก มาตรา 282 วรรคสอง), 312 ตรีวรรคแรก พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 4, 6 (ที่ถูก มาตรา 6 (1), 52 วรรคสอง) พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 4, 9 (ที่ถูก มาตรา 9 วรรคสอง), 11 วรรคสอง พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 4, 64 (ที่ถูก มาตรา 64 วรรคหนึ่ง) พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2551 มาตรา 27, 54 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันเป็นธุระจัดหา และฐานร่วมกันแสวงหาผลประโยชน์โดยล่อไปหรือพาไปเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่นซึ่งหญิงอายุเกินกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปี เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 52 วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 7 ปี และปรับคนละ 150,000 บาท ฐานร่วมกันเป็นเจ้าของกิจการการค้าประเวณี ผู้ดูแลหรือผู้จัดการการค้าประเวณีซึ่งมีบุคคลอายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปี ทำการค้าประเวณีอยู่ด้วย จำคุกคนละ 6 ปี และปรับคนละ 120,000 บาท ฐานร่วมกันให้ที่พักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยประการใดให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุม จำคุกคนละ 1 ปี ฐานร่วมกันรับคนต่างด้าวซึ่งไม่มีใบอนุญาตเข้าทำงานให้เข้าทำงาน ปรับคนละ 10,000 บาท รวมจำคุกคนละ 14 ปี และปรับคนละ 280,000 บาท หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 กรณีกักขังแทนค่าปรับให้กักขังแทนได้เกินกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหาเพื่อการอนาจารซึ่งหญิงอายุเกินกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคสอง กับฐานร่วมกันเป็นเจ้าของกิจการผู้ดูแล หรือผู้จัดการสถานการค้าประเวณีตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 11 วรรคสอง และฐานร่วมกันแสวงหาประโยชน์โดยล่อไปหรือพาไปเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่นซึ่งหญิงอายุเกินกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 52 วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 6 ปี และปรับคนละ 120,000 บาท เมื่อรวมกับความผิดฐานร่วมกันรับคนต่างด้าวซึ่งไม่มีใบอนุญาตเข้าทำงานให้เข้าทำงานตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คงจำคุกคนละ 6 ปี และปรับคนละ 130,000 บาท ยกฟ้องข้อหาร่วมกันให้ที่พักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุม นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง ร้อยตำรวจเอกนิยงค์ และดาบตำรวจศุภกิจ เจ้าพนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี ล่อซื้อหญิงขายบริการทางเพศในราคาคนละ 1,000 บาท พร้อมจับกุมจำเลยที่ 2 และหญิงต่างด้าวสัญชาติลาว 10 คน ได้จากร้านที่เกิดเหตุ ซึ่งมีชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการตามสำเนาใบทะเบียนพาณิชย์ เจ้าพนักงานตำรวจจึงกล่าวหาจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้ คดีสำหรับข้อหาร่วมกันให้ที่พักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุมเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่พิพากษายกฟ้องแล้วโจทก์ไม่ฎีกา คดีคงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดฐานอื่นตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 หรือไม่ เห็นว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยไว้โดยละเอียดแล้วว่า ขณะร้อยตำรวจเอกนิยงค์และดาบตำรวจศุภกิจเข้าไปล่อซื้อที่ร้านที่เกิดเหตุ พบหญิงขายบริการทางเพศนั่งอยู่ตามโซฟาภายในร้านประมาณ 10 คน มีจำเลยที่ 2 เข้ามาเสนอขายบริการทางเพศให้แก่หญิงดังกล่าว ร้อยตำรวจเอกนิยงค์และดาบตำรวจศุภกิจตกลงซื้อบริการทางเพศเป็นการชั่วคราว 2 ชั่วโมง ในราคาคนละ 1,000 บาท เมื่อมอบเงินให้จำเลยที่ 2 แล้ว ก็แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจและยึดธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อดังกล่าวได้จากจำเลยที่ 2 เป็นของกลาง โดยมีนางสาววนาลีหรือปูเป้ นางสาวดาว นางสาวบุญมีหรือจอย และนางสาวเลหญิงต่างด้าวที่อยู่ในขณะเกิดเหตุและบางคนมีอายุเกินกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี เบิกความยืนยันเป็นพยานโจทก์ว่า ได้ทำงานขายบริการทางเพศในร้านที่เกิดเหตุคิดค่าบริการครั้งละ 1,000 บาท โดยจำเลยที่ 2 หักไว้ 200 บาท ส่วนจำเลยที่ 1 นั้น นอกจากจะมีชื่อเป็นผู้ประกอบกิจการร้านที่เกิดเหตุแล้ว คดียังได้ความจากพันตำรวจโทหญิงศิรประภา พนักงานสอบสวนว่า พยานได้สอบปากคำหญิงสัญชาติลาวทั้ง 10 คน ต่างให้การว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของกิจการที่แท้จริง แต่มิได้พักอาศัยอยู่ในร้าน โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ดูแล จำเลยที่ 1 เพียงมาดูความเรียบร้อย โดยหญิงสัญชาติลาวทั้ง 10 คน ได้ลงลายมือชื่อยืนยันไว้ในสำเนาใบทะเบียนพาณิชย์ ซึ่งมีพนักงานอัยการและนักจิตวิทยาลงลายมือชื่อเป็นพยานด้วยยิ่งกว่านั้นนางสาววนาลีให้การว่า จำเลยที่ 1 เคยพาพยานไปรับประทานอาหารทะเลที่บ้าน 2 ครั้ง นางสาวดาวให้การว่าจำเลยที่ 1 เคยพานางสาววนาลีไปรับประทานอาหารทะเลที่บ้าน พยานไม่ได้ไปเพราะง่วงนอน นางสาวบุญมีและนางสาวเลให้การเพิ่มเติมว่า จำเลยที่ 2 มีหน้าที่จัดให้พยานกับพวกไปขายบริการลูกค้า พาไปส่งลูกค้าหรือลูกค้ามารับเองและเก็บเงินค่าบริการ ซึ่งเมื่อบริการมาแล้วจะหักไว้ครึ่งหนึ่งทุกรายเพื่อให้แก่จำเลยที่ 1 อีกครึ่งหนึ่งจะเก็บไว้ให้โดยจะรวมยอดไว้ ยังไม่จ่ายเงินให้ทันที เชื่อว่าพยานโจทก์ซึ่งเป็นหญิงต่างด้าวให้การในชั้นสอบสวนตามความเป็นจริงโดยปราศจากเหตุจูงใจ ดังนี้ แม้พยานโจทก์เหล่านี้พยายามเบิกความกลับคำในชั้นศาล โดยจำเลยทั้งสองอ้างว่า พันตำรวจโทหญิงศิรประภาสอบปากคำหญิงต่างด้าวโดยไม่มีล่าม คำให้การในชั้นสอนสวนของพยานโจทก์ดังกล่าวจึงไม่น่าเชื่อถือ แต่คดีได้ความจากคำเบิกความของพันตำรวจโทหญิงศิรประภาว่าหญิงต่างด้าวทั้ง 10 คน สามารถอ่านและเข้าใจภาษาไทยได้ดี และข้อเท็จจริงปรากฏว่าพยานโจทก์ซึ่งเป็นหญิงต่างด้าวเบิกความโดยไม่ต้องมีล่าม อันเป็นการแสดงให้เห็นว่าพยานโจทก์เหล่านี้สามารถอ่านและเขียนภาษาไทยได้ดี ไม่มีความจำเป็นต้องมีล่าม ดาบตำรวจศุภกิจร้อยตำรวจเอกนิยงค์ และพันตำรวจโทหญิงศิรประภาเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ไม่รู้จักจำเลยทั้งสองมาก่อน จึงไม่มีเหตุที่จะกลั่นแกล้งปรักปรำจำเลยทั้งสอง ทั้งคำเบิกความของพยานโจทก์ซึ่งเป็นหญิงต่างด้าวมีความต่อเนื่องเชื่อมโยงเป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน เชื่อว่าคำให้การในชั้นสอบสวนของพยานโจทก์ซึ่งเป็นหญิงต่างด้าวรับฟังเป็นความจริงยิ่งกว่าคำเบิกความในชั้นพิจารณา แม้คำให้การในชั้นสอบสวนดังกล่าวจะเป็นพยานบอกเล่า แต่ก็มีน้ำหนักและเหตุผลควรแก่การรับฟัง พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาเชื่อว่าจำเลยทั้งสองเป็นตัวการร่วมกันเป็นธุระจัดหาเพื่อการอนาจารซึ่งหญิงอายุเกินกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปี เพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่นและร่วมกันเป็นผู้จัดการค้าประเวณี ซึ่งเป็นคำวินิจฉัยที่ชัดแจ้งชอบด้วยเหตุผลแล้ว ศาลฎีกาไม่จำต้องกล่าวซ้ำอีก ฎีกาของจำเลยทั้งสองที่ว่า ร้านเกิดเหตุเป็นเพียงร้านคาราโอเกะ จำเลยทั้งสองไม่ทราบเรื่องการขายบริการทางเพศของหญิงต่างด้าวดังกล่าวพยานโจทก์เจตนาเบิกความปรักปรำจำเลยทั้งสอง เหตุที่มีชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขออนุญาตประกอบกิจการ เนื่องจากจำเลยที่ 2 ขอยืมบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านไป และหญิงต่างด้าวดังกล่าวมิได้ชี้ตัวยืนยันจำเลยที่ 1 ต่อพนักงานสอบสวนแต่อย่างใดไม่อาจฟังหักล้างเหตุผลแห่งข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2พิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในข้อหาร่วมกันแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เป็นธุระจัดหา จัดให้อยู่อาศัยหรือรับไว้ซึ่งบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี แม้ผู้นั้นจะยินยอม อันเป็นการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6 (1), 52 วรรคสอง และความผิดต่อเสรีภาพตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 312 ตรี วรรคแรก ข้อหาร่วมกันเป็นเจ้าของกิจการค้าประเวณีซึ่งมีบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีทำการค้าประเวณีอยู่ด้วย อันเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 11 วรรคสอง ข้อหาร่วมกันเป็นธุระจัดหาบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี อันเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 9 วรรคสอง และข้อหาร่วมกันเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิงอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม อันเป็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับเพศตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคสอง เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดในข้อหาดังกล่าวตามที่โจทก์กล่าวอ้างในฟ้องโดยจำเลยทั้งสองเป็นผู้ร่วมกันแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เป็นธุระจัดหา จัดให้อยู่อาศัยหรือรับไว้ซึ่งบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี แม้ผู้นั้นจะยินยอม ร่วมกันเป็นธุระจัดหาบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณีและร่วมกันเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิงอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม จึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 9 วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ส่วนความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าของกิจการการค้าประเวณีซึ่งมีบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีทำการค้าประเวณีกฎหมายมุ่งที่จะบังคับแก่ผู้จัดการกิจการหรือสถานที่ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการค้าประเวณีหรือเพื่อใช้ในการติดต่อหรือจัดหาบุคคลเพื่อกระทำการค้าประเวณีเป็นการเฉพาะ จึงเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่ง มิใช่กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษา และที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มิได้ระบุความผิดต่อเสรีภาพตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 312 ตรี วรรคแรก และความผิดต่อพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 9 วรรคสอง ไว้ด้วยอันเป็นการผิดหลง นอกจากนี้ข้อหาความผิดฐานร่วมกันรับคนต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงาน อันเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2551 มาตรา 55 ถ้าคนต่างด้าวนั้นไม่มีใบอนุญาต ผู้กระทำต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาทต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติตามฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันรับคนต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตเข้าทำงานรวม 10 คน แต่ศาลล่างทั้งสองลงโทษปรับจำเลยทั้งสองคนละ 10,000 บาท ย่อมมิใช่การลงโทษอันต้องด้วยบทบัญญัติของกฎหมาย ปัญหานี้แม้คู่ความจะมิได้ฎีกาแต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 แต่ไม่อาจกำหนดโทษใหม่ได้อีกเพราะจะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยทั้งสอง ซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ประกอบด้วยมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานร่วมกันค้ามนุษย์ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 52 วรรคสอง ฐานร่วมกันโดยทุจริตรับไว้ จำหน่าย เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปซึ่งบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 312 ตรี วรรคแรก ฐานร่วมกันเป็นธุระจัดหาบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณีตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 9 วรรคสอง และฐานร่วมกันเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่นเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิงอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีแม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคสอง เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 9 วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 และฐานร่วมกันเป็นเจ้าของกิจการการค้าประเวณีตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 11 วรรคสอง ส่วนโทษและนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2