แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ปัญหาว่า ข้อกำหนดในพินัยกรรมเป็นอันไร้ผลหรือไม่นั้น เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่ได้ว่ากล่าวกันมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 6 คู่ความก็หยิบยกขึ้นอ้างได้
การทำพินัยกรรมเป็นการจำหน่ายทรัพย์สินที่จะมีผลเมื่อตายและเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้ทำพินัยกรรมซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1646 บัญญัติว่า “บุคคลใดจะแสดงเจตนาโดยพินัยกรรมกำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินของตนเอง
เมื่อตนตายก็ได้” นอกจากนี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1361 วรรคหนึ่ง ก็บัญญัติว่า “เจ้าของรวมคนหนึ่ง ๆ จะจำหน่ายส่วนของตนหรือ
ก็ได้” แม้ผู้ตายและผู้ร้องจะมีกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ 8372 ก็ตาม ผู้ตายย่อมมีอำนาจทำพินัยกรรมยกที่ดินส่วนของผู้ตายให้แก่ผู้คัดค้านได้ตามบทกฎหมายดังกล่าว โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ร้อง ข้อกำหนดแห่งพินัยกรรมในส่วนนี้จึงมีผลบังคับได้
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอ ขอให้มีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้องขอและมีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งตั้งผู้คัดค้าน เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย โดยให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย ยกคำร้องขอของผู้ร้อง ให้ผู้ร้องใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนผู้คัดค้าน โดยกำหนดค่าทนายความ ๒,๐๐๐ บาท
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๖ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติเบื้องต้นว่า ผู้ร้องเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ผู้คัดค้านเป็นบุตรของผู้ร้องกับผู้ตาย ผู้ตายถึงแก่ความตายโดยมีมรดกคือที่ดินโฉนดเลขที่ ๘๓๗๒ โดยถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับผู้ร้อง มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่าผู้ตายทำพินัยกรรมยกที่ดินส่วนของตนซึ่งมีกรรมสิทธิ์ร่วมกับผู้ร้องให้แก่ผู้คัดค้านโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ข้อกำหนดในพินัยกรรมจึงไร้ผลนั้น แม้ปัญหานี้ไม่ได้ว่ากันมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค ๖ ก็ตาม แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน คู่ความมีสิทธิยกขึ้นอ้างได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙ วรรคสอง ซึ่งปัญหานี้ศาลฎีกาเห็นว่า การทำพินัยกรรมเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้ทำพินัยกรรมซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๔๖ บัญญัติว่า “บุคคลใดจะแสดงเจตนาโดยพินัยกรรมกำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินของตนเอง หรือในการต่าง ๆ อันจะให้เกิดเป็นผลบังคับได้ตามกฎหมายเมื่อตนตายก็ได้” นอกจากนี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๖๑ วรรคหนึ่ง ก็บัญญัติว่า “เจ้าของรวมคนหนึ่ง ๆ จะจำหน่ายทรัพย์สินส่วนของตนหรือ
ก็ได้” แม้ผู้ตายและผู้ร้องจะมีกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ ๘๓๗๒ ก็ตาม ผู้ตายย่อมมีอำนาจทำพินัยกรรมยกที่ดินส่วนของผู้ตายให้แก่ผู้คัดค้านได้ตามบทกฎหมายดังกล่าว โดยไม่จำต้องรับความยินยอมจากผู้ร้อง ดังนี้ ข้อกำหนดแห่งพินัยกรรมในส่วนนี้จึงมีผลบังคับได้ตามกฎหมาย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๖ พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.