แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 2 มีความประสงค์ขอยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติมและเอกสารประกอบคำเบิกความรวม 4 ฉบับซึ่งได้เสนอมาพร้อมฎีกาแล้ว ทั้งนี้เนื่องจากจำเลยที่ 2 ได้เคยเสนอต่อศาลมาแล้วตั้งแต่ต้นแต่จำเลยที่ 2 มาทราบเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าคำขอเพิ่มเติมพยานและบรรดาเอกสารที่ได้เสนอไว้ต่อศาลนั้นไม่ปรากฏอยู่ในสำนวนเลยแม้แต่ฉบับเดียวฉะนั้นจึงขอศาลฎีกาได้โปรดอนุญาตตามคำร้องของจำเลยที่ 2 ด้วย
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 223)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ออกจากสถานที่เช่าและส่งมอบตึกอาคารโรงงานแก่โจทก์ให้จำเลยที่ 2 ส่งมอบเครื่องต้มน้ำแก่โจทก์ในสภาพเดิม ให้จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3ร่วมกันใช้ค่าเสียหายจำนวน 490,560 บาท และให้จำเลยที่ 2ใช้ค่าเสียหายจำนวน 56,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินแต่ละจำนวนนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายเดือนละ 30,660 บาท และให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าเสียหายเดือนละ 2,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ของเงินแต่ละจำนวนนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะออกจากสถานที่เช่า แต่ทั้งนี้จำเลยที่ 3 ไม่ต้องใช้ค่าเสียหายนับแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2524 เป็นต้นไปแก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ฎีกา (อันดับ 214,218)
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 213)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว การที่ไม่ปรากฏว่ามีบัญชีพยานเพิ่มเติมและเอกสารประกอบอยู่ในสำนวนจนเวลาล่วงเลยมาถึงขั้นฎีกาเช่นนี้ พฤติการณ์น่าเชื่อว่าในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยที่ 2 มิได้ขอระบุพยานเพิ่มเติมและมิได้ยื่นเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานต่อศาล แต่เพิ่งจะมาขอระบุพยานเพิ่มเติมและขอยื่นเอกสารดังกล่าวในชั้นฎีกานี้เอง ซึ่งเป็นการขอระบุพยานและยื่นเอกสารที่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88,90 และศาลฎีกาเห็นว่าไม่มีเหตุสมควรที่จะให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานจำเลยที่ 2เพิ่มเติม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(2),247 ให้ยกคำร้อง