แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของบริษัท ก. ทำหน้าที่ช่างทาสีบริษัท ก. มีคำสั่งให้โจทก์กับคนงานอื่นไปทำงานที่จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ให้ทำงานระหว่างเวลา 16-20 นาฬิกา และเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2530 เวลาประมาณ 3 นาฬิกา โจทก์ได้พลัดลื่นตกลงมาจากรถยนต์บรรทุกคันที่โจทก์นอนอยู่เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายแขนและขาขวาใช้งานไม่ได้ ระยะเวลาที่โจทก์ประสบอันตรายดังกล่าวไม่ใช่ระยะเวลาที่โจทก์ปฏิบัติงานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากนายจ้าง เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในระยะเวลาที่โจทก์ต้องพักผ่อน เพื่อเตรียมปฏิบัติงานตามกำหนดเวลา โจทก์จึงเรียกร้องเอาค่าทดแทนไม่ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของบริษัทกรุงสยาม จำกัด ทำหน้าที่ช่างทาสี ตบแต่ง เมื่อวันที่ 25มิถุนายน 2530 โจทก์ได้รับคำสั่งให้ไปตบแต่งอาคารธนาคารกสิกรไทยสาขาประจวบคีรีขันธ์ และเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2530 เวลาประมาณ3 นาฬิกา ขณะที่โจทก์กำลังปีนลงจากรถยนต์บรรทุก โจทก์พลัดตกลงศีรษะกระแทกพื้น ทำให้ได้รับอันตราย เป็นเหตุให้โจทก์ทุพพลภาพเป็นอัมพาต ขอให้จำเลยจ่ายค่าทดแทนในอัตราร้อยละหกสิบของค่าจ้างรายวันเป็นเวลา 10 ปี เป็นเงิน 336,960 บาท
จำเลยให้การว่า เวลาเกิดเหตุมิใช่เวลาปฏิบัติงานและการที่โจทก์ประสบอันตรายเนื่องจากโจทก์เมาสุราจนไม่สามารถครองสติได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาว่า โจทก์ลงจากรถยนต์บรรทุกแล้วพลาดตกไปที่พื้นดินจนได้รับบาดเจ็บเป็นเวลาที่โจทก์ยังมิได้ลงมือทำงานให้แก่นายจ้างตามที่ได้รับมอบหมาย ถือไม่ได้ว่าเป็นการประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้าง โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินทดแทน พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์เป็นลูกจ้างประจำของบริษัทกรุงสยาม จำกัด ทำหน้าที่ช่างทาสีตบแต่ง เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2530 โจทก์เดินทางโดยรถยนต์บรรทุกไปจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เพื่อทาสีตบแต่งอาคารสำนักงานธนาคารกสิกรไทย สาขาประจวบคีรีขันธ์ โจทก์ได้นอนหลับบนรถยนต์บรรทุกตั้งแต่อำเภอปราณบุรีจนถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์นายพันธ์ศักดิ์ ทิวาพัฒน์ กับพวกซึ่งเป็นลูกจ้างของบริษัทกรุงสยามจำกัด ได้เรียกโจทก์ไปนอนพักในโรงแรมแต่โจทก์ไม่ยอมลุกขึ้นจนเวลาประมาณ 3 นาฬิกา ของวันที่ 26 มิถุนายน 2530 โจทก์ลงจากรถยนต์บรรทุกแล้วตกลงมาที่พื้นดินเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายแขนและขาขวาใช้งานไม่ได้เนื่องจากไขสันหลังและเส้นประสาทถูกกดทับ ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์มีหน้าที่ทาสีตบแต่งและศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์จะต้องทำงานตามหน้าที่ณ อาคารธนาคารกสิกรไทย สาขาประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่เวลา 16-20นาฬิกา ของวันที่ 26 มิถุนายน 2530 ดังนั้น ในระยะเวลาที่โจทก์ประสบอันตรายจึงมิใช่เป็นระยะเวลาที่โจทก์ปฏิบัติงานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากนายจ้าง การที่นายจ้างจัดรถยนต์บรรทุกเฟอร์นิเจอร์และให้โจทก์โดยสารมาด้วยก็เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปปฏิบัติงานเท่านั้น การประสบอันตรายของโจทก์เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในระยะเวลาที่โจทก์ต้องพักผ่อนเพื่อเตรียมปฏิบัติงานตามกำหนดเวลาดังกล่าว กรณีจึงมิใช่เป็นการประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างตามความหมายของคำว่า”ประสบอันตราย” ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานข้อ 2 ที่โจทก์จะเรียกร้องเอาค่าทดแทนได้ ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์ไม่ได้ขึ้นไปนอนในโรงแรมก็มิใช่ความผิดของโจทก์ แต่กลับเป็นผลดีแก่นายจ้างที่โจทก์นอนเฝ้าเฟอร์นิเจอร์และรถยนต์บรรทุกให้แก่นายจ้างนั้นปรากฏว่าศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าการที่โจทก์นอนหลับบนรถยนต์บรรทุกมิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์เฝ้ารถยนต์บรรทุกและเฟอร์นิเจอร์อุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้จึงเป็นเรื่องโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางรับฟังมาเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่าโจทก์ประสบอันตราย เนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างอันต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.