แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทั้งสองค้างชำระค่าสินค้าแก่โจทก์ 161,973.60 บาท หนี้ครบกำหนดชำระแล้ว จำเลยที่ 1 จะบังคับให้โจทก์รับชำระหนี้แต่เพียงบางส่วน 65,331 บาท ไม่ได้ การที่โจทก์ไม่ยอมรับชำระจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้ผิดนัด โจทก์คงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในต้น เงิน 65,331 บาท จากจำเลยทั้งสองได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ในนาม ยงฟ้าไทย รวม ๖ ครั้ง เป็นเงิน ๑๖๑,๙๗๓.๖๐ บาท จำเลยที่ ๑ สั่งจ่ายเช็ค จำนวนเงิน ๖๕,๓๓๑ บาท ชำระหนี้ให้โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนด ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยทั้งสองไม่ยอมชำระ ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินค่าสินค้าทั้งหมดแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ให้การว่าได้สั่งจ่ายเช็คตามฟ้องจริง แต่ไม่เคยสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยได้นำเงินเข้าบัญชีและให้โจทก์นำเช็คไป เรียกเก็บแต่โจทก์กลับนำเช็คดังกล่าวไปฟ้องคดีอาญา จำเลยที่ ๑ นำเงินตามเช็คไปชำระแก่โจทก์แล้วโจทก์ไม่ยอมรับ จึงไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยที่ ๑ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินจำนวน๑๖๑,๙๗๓.๖๐ บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะการนับวันคิดดอกเบี้ยในแต่ละยอดหนี้
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๑ เคยสั่งจ่ายเช็คให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าสินค้าจำเลยที่ ๒ เป็นผู้สั่งซื้อหลายครั้ง ซึ่งเช็คดังกล่าวโจทก์สามารถเรียกเก็บเงินได้ ประกอบกับการที่จำเลยที่ ๑ยอมให้จำเลยที่ ๒ พิมพ์นามบัตรแสดงตนว่าเป็นผู้ช่วยผู้จัดการร้านยงฟ้าไทยในการติดต่อสั่งสินค้าและปล่อยให้จำเลยที่ ๒เซ็นรับของโดยจำเลยที่ ๑ เป็นผู้สั่งจ่ายเช็คชำระค่าสินค้าและต่อมาจำเลยที่ ๒ ก็เป็นผู้เซ็นรับของอีกหลายครั้ง จำเลยที่ ๑เป็นผู้สั่งจ่ายเช็คตามฟ้องชำระหนี้ค่าสินค้าโดยระบุชื่อโจทก์เป็นผู้รับเช็ค แสดงว่าจำเลยที่ ๑ ร่วมกับจำเลยที่ ๒ สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ตามฟ้อง จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๒ แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยที่ ๑ ฎีกาว่า หนี้ค่าสินค้าจำนวน ๖๕,๓๓๑ บาทจำเลยที่ ๑ ได้ขอปฏิบัติการชำระหนี้แล้ว แต่โจทก์ไม่ยอมรับชำระจำเลยที่ ๑ จึงไม่ต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยในต้นเงินจำนวนดังกล่าวนั้นเห็นว่า จำเลยทั้งสองค้างชำระค่าสินค้าแก่โจทก์เป็นเงินทั้งสิ้น๑๖๑,๙๗๓.๖๐ บาท ซึ่งครบกำหนดที่จะต้องชำระตามที่ตกลงกับโจทก์แล้วดังนี้ จำเลยที่ ๑ ไม่อาจบังคับให้โจทก์รับชำระหนี้แต่เพียงบางส่วนจำนวน ๖๕,๓๓๑ บาท ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๒๐ การที่โจทก์ไม่รับชำระหนี้แต่เพียงบางส่วน ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้ผิดนัด โจทก์จึงยังคงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยในต้นเงินค่าสินค้าจำนวน ๖๕,๓๓๑ บาท จากจำเลยทั้งสองได้
พิพากษายืน