คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2235/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้กล่าวหาเป็นลูกจ้างตำแหน่งระดับหัวหน้าซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจในการลงโทษผู้ใต้บังคับบัญชาตามระเบียบข้อบังคับการทำงานของโจทก์ผู้กล่าวหาจะเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานที่ลูกจ้างอื่นได้จัดตั้งขึ้นหรือเป็นสมาชิกอยู่ไม่ได้ ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 95 วรรคสองการที่ผู้กล่าวหาเข้าเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานของลูกจ้างอื่น ย่อมทำให้การเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานนั้นไม่มีผลตามกฎหมาย เพราะขัดต่อบทบัญญัติแห่ง พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 ดังกล่าวแต่ตามระเบียบข้อบังคับการทำงานของโจทก์ไม่ได้กำหนดให้โจทก์มีอำนาจเพิกถอนตำแหน่งระดับหัวหน้าของลูกจ้าง ในกรณีที่ลูกจ้างนั้นสมัครเข้าเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานของลูกจ้างอื่น และไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดให้อำนาจโจทก์ที่จะกระทำการเช่นว่านั้นได้โจทก์จึงเพิกถอนตำแหน่งระดับหัวหน้าของผู้กล่าวหาไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จำเลยทั้งสิบสองคนเป็นคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ ได้มีคำสั่งที่ 11/2536ลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2536 ความว่า คำสั่งของโจทก์ที่ให้เพิกถอนตำแหน่งหัวหน้างานของลูกจ้างโจทก์เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมจึงให้เพิกถอนและแต่งตั้งให้นางสาวนันทา เชยหอม นางวัฒนา ละมูลนางแจง กันรักษา และนายทวาย อินทร์ผักแว่น ลูกจ้างของโจทก์ดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนก และปฏิบัติงานในตำแหน่งหน้าที่ไม่ต่ำกว่าตำแหน่งเดิม โจทก์เห็นว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะนางสาวนันทา นางวัฒนา นางแจง และนายทวาย มีตำแหน่งเป็นหัวหน้างานมีอำนาจในการให้คุณให้โทษแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรง ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานส่งเสริมสิ่งทอไทย ซึ่งเป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 95 และบุคคลทั้งสี่ได้เข้าร่วมในภารกิจหรือกิจกรรมต่าง ๆ ของสหภาพแรงงานส่งเสริมสิ่งทอไทยตลอดมา ทำให้โจทก์เสียหาย การที่โจทก์มีคำสั่งเพิกถอนตำแหน่งหัวหน้างานของบุคคลทั้งสี่ดังกล่าวจึงไม่ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 121 ขอให้พิพากษาเพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ 11/2536 ลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2536
ระหว่างพิจารณา โจทก์ขอถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1 ศาลแรงงานกลางอนุญาต และอนุญาตตามคำขอของโจทก์ให้เรียกนายประมูล จันทรจำนงเข้ามาเป็นจำเลยร่วม
จำเลยและจำเลยร่วมให้การว่า การกระทำของโจทก์ที่มีคำสั่งโยกย้ายนางสาวนันทา เชยหอม นางวัฒนา ละมูล นางแจง กันรักษาและนายทวาย อินทร์ผักแว่น ผู้กล่าวหาซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม คำสั่งของจำเลยและจำเลยร่วมที่ 11/2536ลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2536 นั้นชอบแล้ว การเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานของผู้กล่าวหาทั้งสี่ไม่ขัดต่อกฎหมายเพราะผู้กล่าวหาทั้งสี่มิใช่ผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจในการจ้าง การลดค่าจ้าง การเลิกจ้างการให้บำเหน็จ หรือการลงโทษ ผู้กล่าวหาที่หนึ่งถึงที่สามไม่มีผู้ใต้บังคับบัญชา ส่วนผู้กล่าวหาที่สี่มีอำนาจเพียงว่ากล่าวตักเตือนผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้น ไม่มีอำนาจในการลงโทษสถานอื่นข้อบังคับของโจทก์ไม่ได้ห้ามบุคคลที่มีตำแหน่งหัวหน้างานเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน และไม่มีข้อบังคับว่าถ้าลูกจ้างซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานแล้ว ให้โจทก์มีอำนาจปลดจากการเป็นผู้บังคับบัญชาได้ การกระทำของโจทก์ที่เพิกถอนตำแหน่งหัวหน้างานของผู้กล่าวหาทั้งสี่ให้ไปดำรงตำแหน่งพนักงานทั่วไปและไม่ให้พักอาศัยอยู่ในหอพัก ย่อมทำให้ผู้กล่าวหาทั้งสี่ได้รับความเสียหาย ไม่สามารถอยู่ในหอพักได้ตามสิทธิ และการปรับค่าจ้างนั้น ผู้กล่าวหาทั้งสี่ได้รับการปรับค่าจ้างต่ำกว่าอัตราที่หัวหน้างานทั่วไปจะได้รับ การที่โจทก์มีคำสั่งเพิกถอนตำแหน่งหัวหน้างานของผู้กล่าวหาทั้งสี่โจทก์ไม่มีอำนาจกระทำได้ จึงเป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรมทำให้ลูกจ้างไม่สามารถทนทำงานอยู่ต่อไปได้เป็นการต้องห้ามตามมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์พ.ศ. 2518 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า นางสาวนันทา นางวัฒนานางแจง และนายทวาย ผู้กล่าวหาเป็นลูกจ้างของโจทก์ในตำแหน่งระดับหัวหน้าซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจลงโทษผู้ใต้บังคับบัญชาโดยการตักเตือนด้วยวาจาหรือเป็นหนังสือได้ตามระเบียบข้อบังคับการทำงานของโจทก์ และผู้กล่าวหาทั้งสี่ดังกล่าวเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานส่งเสริมสิ่งทอไทย โจทก์มีคำสั่งเพิกถอนผู้กล่าวหาทั้งสี่จากตำแหน่งระดับหัวหน้า เนื่องจากผู้กล่าวหาทั้งสี่ได้ร่วมลงลายมือชื่อในการยื่นข้อเรียกร้องที่สหภาพแรงงานส่งเสริมสิ่งทอไทยยื่นข้อเรียกร้องต่อโจทก์ และร่วมใช้สิทธินัดหยุดงาน มีลักษณะเป็นการกลั่นแกล้งเพิกถอนตำแหน่งระดับหัวหน้าของผู้กล่าวหาทั้งสี่ เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างซึ่งโจทก์จะกระทำมิได้ การที่จำเลยและจำเลยร่วมมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งของโจทก์ และให้ผู้กล่าวหาทั้งสี่ดำรงตำแหน่งระดับหัวหน้า และปฏิบัติงานในตำแหน่งหน้าที่ไม่ต่ำกว่าตำแหน่งเดิมนั้นชอบแล้ว ไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนคำสั่งของจำเลยและจำเลยร่วม พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า โจทก์อุทธรณ์ว่า การที่ผู้กล่าวหาทั้งสี่ซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ตำแหน่งระดับหัวหน้ามีอำนาจลงโทษผู้ใต้บังคับบัญชาตามระเบียบข้อบังคับการทำงานของโจทก์ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานส่งเสริมสิ่งทอไทย เป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 95 ถือได้ว่าผู้กล่าวหาทั้งสี่กระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิที่จะเพิกถอนตำแหน่งระดับหัวหน้าของผู้กล่าวหาทั้งสี่ได้ เห็นว่าผู้กล่าวหาทั้งสี่เป็นลูกจ้างตำแหน่งระดับหัวหน้าซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจในการลงโทษผู้ใต้บังคับบัญชาตามระเบียบข้อบังคับการทำงานของโจทก์ ผู้กล่าวหาทั้งสี่จะเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานส่งเสริมสิ่งทอไทยไม่ได้ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์พ.ศ. 2518 มาตรา 95 วรรคสอง การที่ผู้กล่าวหาทั้งสี่เข้าเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานส่งเสริมสิ่งทอไทย ย่อมทำให้การเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานนั้นไม่มีผลตามกฎหมาย เพราะขัดต่อบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 ดังกล่าว แต่ตามระเบียบข้อบังคับการทำงานของโจทก์ไม่ได้กำหนดให้โจทก์มีอำนาจเพิกถอนตำแหน่งระดับหัวหน้าของลูกจ้าง ในกรณีที่ลูกจ้างนั้นสมัครเข้าเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานของลูกจ้างอื่น และไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดให้อำนาจโจทก์ที่จะกระทำการเช่นว่านั้นได้จึงเห็นว่าโจทก์จะเพิกถอนตำแหน่งระดับหัวหน้าของผู้กล่าวหาทั้งสี่โดยอาศัยเหตุที่ผู้กล่าวหาทั้งสี่สมัครเข้าเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานส่งเสริมสิ่งทอไทยไม่ได้
พิพากษายืน

Share