แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การมีฝิ่นดิบและมูลฝิ่นเป็นความผิดต่อบทกฎหมายมาตราเดียวกันตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯมาตรา 69 วรรคหนึ่ง จึงเป็นความผิดกรรมเดียว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 17, 58, 69, 91, 102 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 4, 6, 10ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 17, 58, 69, 91ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 ฐานมีฝิ่นดิบไว้ในครอบครองจำคุก 6 เดือน ฐานมีมูลฝิ่นไว้ในครอบครองจำคุก 6 เดือนและฐานเสพฝิ่น จำคุก 6 เดือน รวม 3 กระทง จำคุก 18 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่าเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2530 เวลาประมาณ 17.40 นาฬิกาจ่าสิบตำรวจประพันธ์ สีสด กับจ่าสิบตำรวจสวิง มงคลสวัสดิ์เจ้าพนักงานตำรวจประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอออมก๋อยจังหวัดเชียงใหม่ ได้ร่วมกันจับจำเลยกับพวกอีก 3 คนในข้อหามีฝิ่นดิบ มูลฝิ่นไว้ในครอบครองและเสพฝิ่นโดยไม่ได้รับอนุญาตพร้อมกับยึดฝิ่นดิบ มูลฝิ่นและอุปกรณ์การเสพฝิ่นของกลาง ปัญหาจึงมีว่าจำเลยได้ร่วมกระทำความผิดดังกล่าวหรือไม่ เห็นว่าเหตุที่จ่าสิบตำรวจประพันธ์กับพวกได้ไปจับจำเลยกับพวกเนื่องจากได้รับแจ้งจากสายสืบก่อนวันเกิดเหตุ 2 วันว่า จำเลยกับพวกลักลอบเสพฝิ่นที่บ้านที่เกิดเหตุเป็นประจำ จึงได้วางแผนทำการจับกุม ขณะเข้าทำการจับกุมนั้น จ่าสิบตำรวจประพันธ์เบิกความว่า ได้วิ่งขึ้นไปบนบ้านของนายนิเฮเป็นจำเลยนอกเสพฝิ่นอยู่ตรงกลางระหว่างพวกของจำเลยอีก 2 คน เมื่อจำเลยเห็นจ่าสิบตำรวจประพันธ์กับพวกก็หยุดเสพและจ่าสิบตำรวจสวิงเบิกความว่า เมื่อขึ้นไปบนบ้านของนายนิเฮเห็นจำเลยกับนายพรหมนอนตะแคงเสพฝิ่นอยู่ ส่วนอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆจึงเข้าทำการจับกุม เมื่อจับจำเลยกับพวกและยึดของกลางได้แล้วจ่าสิบตำรวจประพันธ์ได้ทำบันทึกการจับกุมให้จำเลยลงชื่อไว้ตามเอกสารหมาย จ.2 โดยได้ระบุพฤติการณ์ที่ได้รับทราบจากสายสืบว่าจำเลยกับพวกลักลอบเสพฝิ่นตามหมู่บ้านต่าง ๆ จนกระทั่งครั้งสุดท้ายมาเสพกันที่บ้านแม่ลานน้อยตรงกับคำเบิกความของจ่าสิบตำรวจประพันธ์เมื่อแจ้งข้อหาว่า จำเลยกับพวกร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ (ฝิ่นดิบ มูลฝิ่น) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพโดยผิดกฎหมาย จำเลยก็ให้การรับสารภาพ ซึ่งจำเลยมิได้นำสืบหักล้างบันทึกการจับกุมฉบับนี้เป็นอย่างอื่นคำรับสารภาพของจำเลยในบันทึกการจับกุมดังกล่าวได้กระทำขึ้นในเวลาใกล้ชิดกับเวลาเกิดเหตุและเวลาจับจำเลย จึงฟังได้ว่าเป็นเรื่องที่จำเลยให้การไปตามความจริง ส่วนข้อแตกต่างในขณะที่จำเลยนอนเสพฝิ่นโดยจ่าสิบตำรวจประพันธ์เบิกความว่า จำเลยนอนเสพฝิ่นอยู่ตรงกลางมีพวกของจำเลย นอนอยู่ 2 ข้าง แต่จ่าสิบตำรวจสวิงเห็นจำเลยนอนเสพกับนายพรหมส่วนอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ก็เป็นข้อแตกต่างเพียงเล็กน้อย หาใช่เป็นข้อสาระสำคัญไม่ ที่จำเลยนำสืบว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 เดือน จ่าสิบตำรวจประพันธ์มีสาเหตุกับจำเลยมาก่อนในเรื่องที่จ่าสิบตำรวจประพันธ์มีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับหลานสะใภ้ของจำเลยนั้น จำเลยเบิกความว่า จำเลยขอร้องหลายสะใภ้ของจำเลยไม่ให้เอาเรื่องซึ่งเรื่องก็ได้ยุติไป พฤติการณ์ดังกล่าวก็ย่อมเป็นผลดีแก่จ่าสิบตำรวจประพันธ์เองอยู่แล้ว จึงไม่น่าจะเป็นสาเหตุที่จะมีการกลั่นแกล้งจำเลยสำหรับสาเหตุอื่นนั้นจำเลยเบิกความว่าได้ร่วมลงชื่อร้องเรียนเจ้าพนักงานตำรวจเรื่องค้าของเถื่อน แต่นายอุทัย ชัยชนะบุตรพยานจำเลยมิได้เบิกความถึงในเรื่องนี้ แต่กลับอ้างว่าจ่าสิบตำรวจประพันธ์เข้าใจว่าจำเลยเคยร้องเรียนเรื่องจ่าสิบตำรวจประพันธ์จ้างชาวบ้านให้ตัดไม้สนเกี๊ยะ ในเขตป่าสงวน พยานหลักฐานของจำเลยในเรื่องสาเหตุต่าง ๆ จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังว่าจ่าสิบตำรวจประพันธ์กลั่นแกล้งจำเลยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานของโจทก์มีเหตุผลให้รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยได้กระทำความผิดดังที่โจทก์ฟ้องฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น แต่ความผิดฐานมีฝิ่นดิบและมีมูลฝิ่นเป็นกรณีที่ต้องบังคับตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2)พ.ศ. 2528 มาตรา 10 ที่บัญญัติว่า ในขณะที่ไม่มีประกาศให้ฝิ่นมูลฝิ่นหรือพันธุ์ฝิ่นเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทใด ให้ฝิ่นหรือมูลฝิ่นตามกฎหมายว่าด้วยฝิ่นเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 7 ดังนั้น การที่จำเลยมีฝิ่นดิบและมูลฝิ่นจึงเป็นความผิดต่อบทกฎหมายมาตราเดียวกันตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 69 วรรคหนึ่งจำเลยจึงมีความผิดฐานมีฝิ่นดิบและมูลฝิ่นเพียงกรรมเดียว”
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 17, 69 วรรคหนึ่ง กระทงหนึ่ง จำคุก6 เดือน และมีความผิดตามมาตรา 58, 91 กระทงหนึ่ง จำคุก 6 เดือนรวมเป็นโทษจำคุก 12 เดือน