คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3896/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกา และค่าทนายความที่จะใช้แทนโจทก์ให้แก่จำเลยที่ 2 ออกไปอีก และต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นคำสั่งศาลที่เกี่ยวเนื่องกับการรับหรือไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 หาใช่เป็นเรื่องการขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 อย่างเดียว แต่อย่างใดไม่เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงต้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกามายังศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 252.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีเป็นเงิน 111,185.59 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 เคยเสนอ ชำระหนี้แล้วแต่โจทก์ไม่รับ และโจทก์ผ่อนเวลาชำระหนี้ให้จำเลยที่ 1 โจทก์คิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ย หากจะมีดอกเบี้ยค้างชำระก็ไม่เกิน 25,000 บาทขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 111,185.59บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1จำนวน 30,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกาและยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาออกไป 15 วัน ศาลชั้นต้นอนุญาตก่อนครบกำหนดที่ศาลอนุญาตจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาออกไปอีก 10 วัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาอีก ให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์คำสั่งว่า คำสั่งยกคำร้องของศาลชั้นต้นคลาดเคลื่อนกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับเรื่องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกับการที่จะรับหรือไม่รับฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 252 โจทก์ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต่อศาลฎีกา พิพากษายกอุทธรณ์จำเลยที่ 2
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ปัญหาจะต้องวินิจฉัยมีว่าศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์จำเลยที่ 2 ชอบหรือไม่ เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกา และค่าทนายความที่จะใช้แทนโจทก์ให้แก่จำเลยที่ 2ออกไปอีก และต่อมามีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 นั้น เป็นคำสั่งศาลที่เกี่ยวเนื่องกับการรับหรือไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2หาใช่เป็นเรื่องการขอขยายระยะเวลายื่นฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 อย่างเดียวแต่อย่างใดไม่เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงต้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกามายังศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 252 ที่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบ
พิพากษายืน.

Share