คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3883/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ทิ้งอุทธรณ์สำหรับจำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่ง แต่ศาลอุทธรณ์มิได้มีคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องนี้และพิพากษาให้จำเลยทั้งสองรับผิดต่อโจทก์ เป็นการไม่ปฏิบัติตามป.วิ.พ. มาตรา 174,246 ศาลฎีกาจึงให้ย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งและพิพากษาใหม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาขายลดตั๋วเงินกับโจทก์โดยมีข้อตกลงว่าหากโจทก์ไม่สามารถเรียกเก็บเงินตามตั๋วเงินที่จำเลยที่ 1ขายลดไว้แก่โจทก์ จำเลยที่ 1 ยอมรับผิดชดใช้เงินตามตั๋วเงินพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละสิบห้าต่อปี จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ ในวันดังกล่าวจำเลยที่ 1 นำเช็คธนาคารสหธนาคาร จำกัด สาขาวัดไทร ลงวันที่ 15 มกราคม2521 สั่งจ่ายเงินจำนวน 600,000 บาท มาขายลดแก่โจทก์ ต่อมาเมื่อเช็คถึงกำหนดใช้เงินโจทก์ไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ โจทก์ทวงถามให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ให้โจทก์จำเลยที่ 1 นำเช็คมาเปลี่ยนเพื่อชำระหนี้หลายครั้งแต่ก็เรียกเก็บเงินไม่ได้ ต่อมาวันที่ 16กุมภาพันธ์ 2521 จำเลยที่ 1 นำเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์บางส่วนเป็นเงินจำนวน 400,000 บาท ยังคงค้างชำระอยู่อีกเป็นเงินจำนวน200,000 บาท จำเลยทั้งสองต้องรับผิดตามสัญญาขายลดตั๋วเงินและสัญญาค้ำประกันจำนวน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยเป็นเงินจำนวน150,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 350,000บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาขายลดตั๋วเงินไว้กับโจทก์จริงแต่ได้ชำระหนี้ตามฟ้องให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้วฟ้องโจทก์ขาดอายุความ เพราะมิได้ฟ้องภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันทำสัญญาขายลดตั๋วเงิน ก่อนฟ้องโจทก์ไม่เคยบอกกล่าวทวงถามให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
สำหรับจำเลยที่ 2 ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ไม่ได้ ศาลชั้นต้นสั่งให้รอฟังโจทก์ โจทก์ไม่แถลงภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งอุทธรณ์สำหรับจำเลยที่ 2 ให้ส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาพิพากษาเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 และสั่งเกี่ยวกับจำเลยที่ 2
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 200,000 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละสิบห้าต่อปีของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2521 เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จ แต่ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องไม่ให้เกิน 150,000 บาท
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ชั้นอุทธรณ์โจทก์ยื่นอุทธรณ์ศาลชั้นต้นสั่งว่ารับเป็นอุทธรณ์ของโจทก์ สำเนาให้จำเลยทั้งสองให้โจทก์นำส่งภายใน 10 วัน หากส่งไม่ได้ให้แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน 10 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ มิฉะนั้นให้ถือว่าโจทก์ทิ้งอุทธรณ์ ต่อมาเจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่าส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 2 ไม่ได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งลงวันที่ 1 กันยายน 2531ว่า รอฟังโจทก์ครั้นวันที่ 20 ตุลาคม 2531 เจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่าโจทก์มิได้มาติดต่อสอบถามเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับจำเลยที่ 2อย่างใด ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่า โจทก์ไม่มาแถลงเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ภายในเวลาที่ศาลกำหนด ถือได้ว่าโจทก์ทิ้งอุทธรณ์สำหรับจำเลยที่ 2 ส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาพิพากษาเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 และสั่งเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วมิได้มีคำสั่งเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 อย่างใด แต่พิพากษาให้จำเลยที่ 2รับผิดต่อโจทก์ด้วย เป็นการไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174, 246 จึงมีเหตุสมควรย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งและคำพิพากษาใหม่”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ก่อน แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.

Share