แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยได้พาเด็กหญิง ส. ผู้เสียหายไปเพื่อจะกระทำชำเราในขณะที่ผู้เสียหายอายุ 14 ปี 10 เดือนเศษ โดยผู้เสียหายสมัครใจยินยอมไปกับจำเลย และจำเลยกอดจูบกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหาย แม้การกระทำของจำเลยอาจเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 279 วรรคหนึ่ง ก็ตาม แต่การที่ผู้เสียหายมีรูปร่างและลักษณะการพูดจาทำให้จำเลยสำคัญผิดว่าผู้เสียหายอายุ 18 ถึง 19 ปี ซึ่งเป็นการสำคัญผิดในข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิดฐานกระทำอนาจารผู้เสียหายอายุไม่เกิน 15 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยจึง ขาดเจตนากระทำความผิดฐานดังกล่าวตามมาตรา 59 วรรคสาม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำชำเราเด็กหญิงโสฬส จารย์โพธิ์ ผู้เสียหาย ซึ่งมีอายุ 14 ปีเศษ และมิใช่ภริยาของตน โดยจำเลยใช้กำลังประทุษร้ายกอดรัดปลุกปล้ำ และใช้มือปิดปากจนผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคหนึ่งจำคุก 8 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยได้พาเด็กหญิงโสฬส จารย์โพธิ์ผู้เสียหายไปเพื่อจะกระทำชำเราผู้เสียหายโดยผู้เสียหายยินยอมไปด้วยในขณะที่ผู้เสียหายอายุ 14 ปี 10 เดือนเศษ
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยพยานหลักฐานโจทก์แล้วเห็นว่า ตามพฤติการณ์แห่งคดีผู้เสียหายน่าจะสมัครใจยินยอมไปกับจำเลยที่บ้านนายคำมวนจนกระทั่งเกิดเหตุคดีนี้ขึ้นมากกว่าถูกบังคับขู่เข็ญอีกทั้งโจทก์ก็ไม่มีพยานทางการแพทย์มาเบิกความยืนยันว่าช่องคลอดผู้เสียหายผ่านการร่วมประเวณีมาแล้วหรือไม่ มีเชื้ออสุจิในช่องคลอดผู้เสียหายหรือไม่ ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าวสนับสนุนว่าผู้เสียหายถูกข่มขืนกระทำชำเราจริงหรือไม่ ส่วนจำเลยก็นำสืบปฏิเสธมาตั้งแต่ต้นคือตั้งแต่ในชั้นสอบสวนแล้วว่าจำเลย ไม่ได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย เพียงแต่กอดจูบกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายเท่านั้น พยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบมายังไม่พอฟังลงโทษจำเลยตามคำฟ้องได้ อย่างไรก็ดี เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยกระทำอนาจารได้แก่ผู้เสียหาย จึงมีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคหนึ่ง อันเป็นความผิดที่ไม่เกินคำขอให้ลงโทษท้ายคำฟ้องของโจทก์ โดยจำเลยสำคัญผิดว่าผู้เสียหายมีอายุประมาณ 18 ถึง19 ปี หรือไม่ นายจำเริญบิดาผู้เสียหายเบิกความว่า ผู้เสียหายจบการศึกษาชั้นประถมปีที่ 6 รูปร่างโตเป็นสาวกว่าเด็กวัยเดียวกัน ส่วนนางสาวอมรรัตน์ พยานโจทก์ก็เบิกความว่า ผู้เสียหายอายุน้อยกว่าแต่ตัวโตกว่าพยาน นายพนมผู้ใหญ่บ้านท้องที่ที่เกิดเหตุเบิกความว่าหากคนไม่รู้จักผู้เสียหาย ต้องเข้าใจว่าผู้เสียหายอายุประมาณ 20 ปี เนื่องจากรูปร่างใหญ่ และพันตำรวจตรีไพชยนต์พนักงานสอบสวน พยานโจทก์ก็มาเบิกความยืนยันความข้อนี้ เมื่อพิจารณาภาพถ่ายหมาย จ.3 และ จ.4 ประกอบแล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่ารูปร่างและลักษณะการพูดจาผู้เสียหายมีลักษณะทำให้ผู้พบเห็นเข้าใจว่าผู้เสียหายมีอายุกว่า 15 ปี จึงฟังได้ว่าจำเลยสำคัญผิดว่าผู้เสียหายอายุ 18 ถึง 19 ปี เป็นการสำคัญผิดในข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิดฐานกระทำอนาจารผู้เสียหายอายุไม่เกิน 15 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคหนึ่งด้วย การกระทำของจำเลยจึงขาดเจตนากระทำความผิดฐานดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรคสาม
พิพากษายืน