คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 387/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกซึ่งทั้งหมดเป็นเพียงนายสิบและพลตำรวจ เข้าไปในบ้านของ ฉ.ในเวลากลางคืน เพื่อจับกุมผู้ตายซึ่งเป็นคนร้ายสำคัญตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา โดยมิได้ปฏิบัติตามกฎหมายในเรื่องการจับการค้น ถ้าผู้ตายขัดขืนก็เพียงแต่ไม่มีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานเท่านั้น ไม่มีสิทธิหรืออำนาจชอบธรรมอันใดที่จะใช้อาวุธทำร้ายจำเลย เพราะจำเลยพูดกับผู้ตายขอจับกุม ยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไรลงไป แต่ผู้ตายใช้มีดแทงจำเลย จำเลยจึงกระทำการป้องกันชีวิตตน เมื่อเป็นการพอสมควรแก่เหตุ จำเลยย่อมไม่ต้องรับโทษ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายโดยเจตนา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่า ผู้ตายเป็นผู้ร้ายสำคัญ จำเลยกับพวกไปทำการจับกุม แต่ผู้ตายกลับใช้อาวุธมีดปลายแหลมแทงจำเลยก่อนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จำเลยจึงจำต้องใช้อาวุธปืนยิงสวนไปเพื่อป้องกันชีวิตตนเอง แม้จะเป็นการจับกุมในที่รโหฐาน เจ้าของบ้านก็ได้อนุญาตให้เข้าตรวจค้นจับกุมได้ จำเลยเชื่อว่ามีอำนาจจับกุมผู้ตาย ย่อมได้รับยกเว้นโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๐ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการเกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๗ จำเลยไม่ต้องรับโทษ ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นรับฎีกาเฉพาะข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยกับพวกซึ่งมียศเพียงนายสิบและพลตำรวจเข้าไปทำการจับกุมผู้ตายในบ้านของนายแฉล้มในเวลากลางคืนตามลำพัง เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายจริง ข้อนี้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยเชื่อว่าคำสั่งของพันตำรวจตรีชุ่มสินและร้อยตำรวจตรีมนตรีเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นการวินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งศาลฎีกาต้องฟังตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๒
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายสำคัญตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาแม้จำเลยจะมิได้ปฏิบัติตามกฎหมายในเรื่องการจับการค้น ถ้าผู้ตายซึ่งเป็นผู้จะถูกจับขัดขืนไม่ยินยอม ผู้ตายก็เพียงแต่ไม่มีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานเท่านั้น ไม่มีสิทธิหรืออำนาจชอบธรรมอันใดที่ผู้ตายจะใช้อาวุธมีดแทงทำร้ายจำเลยเพราะจำเลยพูดกับผู้ตายขอทำการจับกุม ยังไม่ทันลงมือทำอะไรลงไปผู้ตายก็ใช้มีดแทงจำเลยถึงสองครั้ง ครั้งแรกมีดบาดมือจำเลย จำเลยเอาปืนยิงขู่ ๑ นัด ผู้ตายก็หาหยุดยั้งไม่ กลับใช้มีดแทงจำเลยอีกถูกหน้าท้องบาดเจ็บสาหัสจนจำเลยตกจากแคร่ เท่านั้นหาพอไม่ ผู้ตายยังโดดคร่อมจำเลยจะจ้วงแทงอีก พฤติการณ์เช่นนี้ ถ้าหากจำเลยไม่ใช่ปืนยิงผู้ตาย ๆ ก็คงใช้มีดแทงจำเลยจนถึงตายแน่นอน ศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นการป้องกันชีวิตตนพอสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๘
พิพากษายืน.

Share