คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3864/2546

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การดำเนินคดีในศาลแขวงต้องการความรวดเร็ว จึงเปิดโอกาสให้โจทก์ฟ้องด้วยวาจาได้ โจทก์หาจำต้องบรรยายฟ้องโดยละเอียดดังเช่นคดีอาญาทั่วไปไม่ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องก็ย่อมแสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาในฟ้องได้ดีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
การที่จำเลยประกอบกิจการสถานพยาบาล และจำเลยขายยาลูกกลอนด้วยนั้นจำเลยกระทำด้วยเจตนาที่ต่างกัน การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยประกอบกิจการสถานพยาบาล ซึ่งจัดไว้เพื่อประกอบโรคศิลปะโดยตั้งสถานพยาบาลไม่มีชื่อบริเวณหน้าถ้ำบ้านเชิงดอย โดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามกฎหมาย และจำเลยขายยาลูกกลอน อันเป็นยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาไว้กับกระทรวงสาธารณสุขให้แก่บุคคลทั่วไป ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาลพ.ศ. 2541 มาตรา 16, 57 พระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 มาตรา 72(4), 122, 126ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ริบของกลาง

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาลพ.ศ. 2541 มาตรา 16 วรรคหนึ่ง, 57 พระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 มาตรา 72(4),122 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 6 เดือน ฐานขายยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา จำคุก 6 เดือนรวมจำคุก 12 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน ริบของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยในข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุในฟ้อง จำเลยได้ประกอบกิจการสถานพยาบาลไม่มีชื่อซึ่งจัดไว้เพื่อประกอบโรคศิลปะ โดยจำเลยกระทำเป็นปกติธุระ ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนและไม่ได้รับใบอนุญาตตามกฎหมาย และจำเลยขายยาลูกกลอนอันเป็นยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาไว้กับกระทรวงสาธารณสุขให้แก่บุคคลทั่วไป โดยจำเลยไม่ได้รับการยกเว้นแต่อย่างใด เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมยาลูกกลอนและเงินที่จำเลยได้มาจากผู้ป่วยที่มารักษา ส่วนการที่จำเลยจะกระทำเป็นปกติธุระอย่างไร มีประชาชนหลงเชื่อเข้าไปให้จำเลยทำการรักษาพยาบาลกี่ราย จำเลยได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากผู้ใดบ้าง กี่ครั้ง และจำเลยขายยาลูกกลอนให้แก่ผู้ใดบ้างนั้น เป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณา ประกอบกับการดำเนินคดีในศาลแขวงต้องการความรวดเร็ว จึงเปิดโอกาสให้โจทก์ฟ้องด้วยวาจาได้ โจทก์หาจำต้องบรรยายฟ้องโดยละเอียดดังเช่นคดีอาญาทั่วไปไม่ ส่วนรายละเอียดนั้น โจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณา และเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องก็ย่อมแสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาในฟ้องได้ดีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยในข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยประการสุดท้ายว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรม เห็นว่าการที่จำเลยประกอบกิจการสถานพยาบาลเพื่อประกอบโรคศิลปะ และจำเลยขายยาลูกกลอนด้วยนั้นจำเลยกระทำด้วยเจตนาที่ต่างกัน การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยสองกรรมนั้น ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน

อนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองวางโทษจำคุกจำเลยก่อนลดโทษกระทงละ 6 เดือน นั้นหนักเกินไป ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้เหมาะสมแก่รูปคดี”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละ 2 เดือน เมื่อลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุกกระทงละ 1เดือน รวมสองกระทง จำคุก 2 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5

Share