คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3840/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้การที่โจทก์ไม่ส่งสำเนาเอกสารทั้งหมดหรือบางส่วนให้แก่จำเลยก่อนสืบพยาน 3 วัน เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 ก็ตาม แต่กฎหมายก็ไม่ได้บังคับโดยเด็ดขาดตายตัว หากเอกสารที่อ้างนั้นเป็นพยานสำคัญเกี่ยวกับประเด็นสำคัญในคดี เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลก็มีอำนาจรับฟังเอกสารนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (2)
โจทก์ได้ส่งสำเนาหนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัญชีกระแสรายวันบางส่วนให้แก่จำเลยโดยทางไปรษณีย์ก่อนวันสืบพยานถึง 10 วัน แต่เป็นเพราะการส่งล่าช้า จำเลยจึงได้รับก่อนวันสืบพยานเพียง 1 วัน แสดงให้เห็นว่าโจทก์ไม่มีเจตนาจะเอาเปรียบจำเลย ทั้งโจทก์ก็ได้ยื่นบัญชีระบุพยานอ้างเอกสารดังกล่าวไว้แล้ว ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นรับฟังพยานเอกสารของโจทก์ดังกล่าว ถือได้ว่าศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นต้องสืบพยานเอกสารอันสำคัญนั้น แม้จะฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 ก็มีอำนาจรับฟังพยานเอกสารดังกล่าวได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์ โดยจำเลยที่ ๑ ทำสัญญาค้ำประกันตกลงยอมรับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๑ ยังได้จำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างประกันหนี้ดังกล่าวอีกด้วย โดยโจทก์มอบอำนาจให้ พ. และ ด. จดทะเบียนจำนองแทน จำเลยทั้งสองได้เบิกเงินจากโจทก์ไปหลายครั้ง ต่อมาจำเลยที่ ๑ บอกเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัดกับโจทก์ ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองยังเป็นหนี้โจทก์อยู่ โจทก์จึงมอบอำนาจให้ทนายโจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้และบังคับจำนองไปยังจำเลย แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยตามฟ้องให้แก่โจทก์ หากไม่ชำระให้บังคับจำนอง
จำเลยทั้งสองให้การว่า สัญญาจำนองและข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนองเป็นโมฆะเพราะ พ. และ ด. ไม่ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้ทำสัญญาแทนทั้งจำนวนเงินในบัญชีเดินสะพัดไม่ถูกต้อง โจทก์คิดดอกเบี้ยซ้อน ดอกเบี้ยเป็นการไม่ชอบ กรรมการโจทก์ไม่ได้มอบอำนาจให้ทนายโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองและเรียงฟ้อง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยตามฟ้องให้แก่โจทก์ หากไม่ชำระให้บังคับจำนอง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้ส่งสำเนาหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.๔๐ และสำเนาบัญชีกระแสรายวันเอกสารหมาย จ.๒๒ ทั้งหมดทุกฉบับให้แก่จำเลยก่อนวันสืบพยาน ๓ วัน เป็นเหตุให้จำเลยทั้งสองไม่สามารถตรวจสอบถึงความมีอยู่และความแท้จริงของเอกสาร ย่อมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๐ เอกสารดังกล่าวจึงรับฟังไม่ได้นั้น เห็นว่าแม้การที่โจทก์ไม่ส่งสำเนาเอกสารทั้งหมดหรือบางส่วนให้แก่จำเลยอันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๐ ก็ตาม แต่กฎหมายก็มิได้บังคับโดยเด็ดขาดตายตัว หากเอกสารที่อ้างนั้นเป็นพยานสำคัญเกี่ยวกับประเด็นสำคัญในคดี แม้คู่ความฝ่ายที่อ้างจะมิได้ส่งสำเนาให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเลย หรือส่งสำเนาให้แต่เพียงบางส่วนก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า ๓ วัน แต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลก็มีอำนาจรับฟังเอกสารนั้นได้ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๘๗ (๒) คดีนี้ปรากฏว่าโจทก์ได้ส่งสำเนาเอกสารหมาย จ.๔๐ และสำเนาเอกสารหมาย จ.๒๒ บางส่วนให้จำเลยโดยทางไปรษณีย์ก่อนวันสืบพยานถึง ๑๐ วัน หากแต่การส่งล่าช้าจำเลยจึงได้รับก่อนวันสืบพยานเพียง ๑ วัน แสดงให้เห็นว่าโจทก์ไม่มีเจตนาจะเอาเปรียบจำเลย ทั้งโจทก์ก็ได้ยื่นบัญชีระบุพยานอ้างเอกสารดังกล่าวไว้แล้ว ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นรับฟังพยานเอกสารของโจทก์ดังกล่าวถือได้ว่าศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นต้องสืบพยานเอกสารอันสำคัญนั้น แม้จะเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๐ ก็ย่อมมีอำนาจรับฟังพยานเอกสารดังกล่าวได้ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยทั้งสองใช้เงินแก่โจทก์ตามฟ้องชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share