คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2161/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่าจำเลยทั้งสองมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วยและใช้รถยนต์กระบะเป็นยานพาหนะร่วมกันปล้นทรัพย์ของผู้เสียหายนั้นไม่ครบองค์ความผิดฐานปล้นทรัพย์ แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่า จำเลยทั้งสองนั่งรถยนต์กระบะซึ่งมีว.เป็นผู้ขับมากระทำความผิด ก็ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานปล้นทรัพย์ไม่ได้ แต่ลงโทษฐานชิงทรัพย์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันมีอาวุธปืนลูกซองไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และได้พาอาวุธปืนดังกล่าวไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยทั้งสองมีอาวุธปืนติดตัวและใช้รถยนต์กระบะเป็นพาหนะเพื่อความสะดวกในการกระทำผิดร่วมกันปล้นทรัพย์รวมราคา ๘๕๐,๓๐๐ บาทของผู้เสียหายซึ่งอยู่ในความครอบครองของนายสวง เณรทองและนายสายรุ้ง ดอนไพรธรรมไปโดยทุจริต ในการปล้นทรัพย์ จำเลยทั้งสองได้ใช้อาวุธปืนยิงนายสายรุ้งถึงแก่ความตายโดยเจตนาฆ่า เพื่อความสะดวกแก่การปล้นทรัพย์ ฯลฯ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๓๔๐, ๓๔๐ ตรี, ๘๓, ๙๑ และพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯมาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิ ริบของกลางและให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้รับคืนแก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๓๔๐ ทวิ วรรคท้าย ประกอบด้วยมาตรา๓๔๐ ตรี, ๘๓, ๙๑ ลงโทษตามมาตรา ๓๔๐ ทวิ วรรคท้ายซึ่งเป็นบทหนักให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสอง ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ ประกอบด้วยมาตรา ๕๒ หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยตลอดชีวิต ริบของกลาง ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนจำนวน ๓๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ยกฟ้องในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๓๔๐ ทวิ วรรคท้าย, ๓๔๐ ตรีด้วยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่าเพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์และพาทรัพย์ไป และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยทั้งสองมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วยและใช้รถยนต์กระบะเป็นยานพาหนะร่วมกันปล้นทรัพย์ของผู้เสียหาย ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องของโจทก์ที่บรรยายหรือกล่าวมาในฟ้องไม่ครบองค์ความผิดฐานปล้นทรัพย์ แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่า จำเลยทั้งสองนั่งรถยนต์กระบะซึ่งมีนายวิรัตน์ ศรีนวล เป็นผู้ขับมากระทำความผิด ก็ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานปล้นทรัพย์ไม่ได้ แต่ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานชิงทรัพย์ได้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๓๓๙ วรรคท้าย ประกอบด้วยมาตรา ๓๔๐ ตรี
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๓๓๙ วรรคท้าย ประกอบด้วยมาตรา ๓๔๐ ตรี เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา ๓๓๙ วรรคท้าย ประกอบด้วย มาตรา ๓๔๐ ตรี ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด ให้ประหารชีวิต จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ประกอบด้วย มาตรา ๕๒ คงจำคุกจำเลยทั้งสองไว้ตลอดชีวิต นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share