คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1141/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นประธานกรรมการบริษัทจำเลยและเป็นเจ้าของที่ดินและตึกซึ่งบริษัทจำเลยเช่าอยู่ โจทก์ได้ทำสัญญาจะขายที่ดินและตึกให้แก่ผู้ซื้อ โดยมีเงื่อนไขเป็นสาระสำคัญว่า โจทก์รับรองจะให้บริษัทจำเลยออกจากตึกและให้ผู้ซื้อเข้าครอบครองที่ดินและตึกภายใน 3 เดือน นับแต่วันทำสัญญา ถ้าโจทก์ไม่สามารถปฏิบัติได้ โจทก์ยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นเงิน 160,000 บาท โจทก์ได้แจ้งให้บริษัทจำเลยออกจากที่ดินและตึกภายใน 3 เดือน ก่อนครบกำหนด 3 เดือน เพียง 1 วัน โจทก์จึงได้แจ้งให้บริษัทจำเลยทราบว่า ถ้าโจทก์ส่งมอบที่ดินและตึกให้แก่ผู้ซื้อไม่ได้ตามกำหนด โจทก์จะถูกผู้ซื้อเรียกค่าเสียหาย ดังนี้ถือว่าโจทก์เป็นประธานกรรมการบริษัทจำเลยมีหน้าที่จะต้องใช้ความเอื้อเฟื้อสอดส่องอย่างบุคคลค้าขายผู้ประกอบด้วยความระมัดระวัง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1167 โจทก์กลับปกปิดความจริงเรื่องที่จะต้องถูกผู้ซื้อที่ดินและตึกเรียกค่าเสียหาย เพิ่งแจ้งให้บริษัททราบต่อเมื่ออีก 1 วันจะต้องถูกผู้ซื้อปรับ การกระทำของโจทก์เป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ผิดวิสัยบุคคลค้าขายผู้ประกอบด้วยความระมัดระวังจะพึงปฏิบัติ ทำให้บริษัทจำเลยและผู้ถือหุ้นทั้งหลายต้องเสียหาย
โจทก์จะนำผลแห่งความละเมิดของตนมาฟ้องร้องเรียกเบี้ยปรับที่โจทก์ต้องเสียแก่ผู้ซื้อไปและค่าเสียหายอื่น ๆ จากบริษัทจำเลยหาได้ไม่
ค่าสินไหมทดแทนในการที่ผู้เช่าออกจากสถานที่เช่าเนิ่นช้า นั้น ตามธรรมดาควรจะเป็นจำนวนเท่ากับค่าเช่าเป็นรายวัน ส่วนค่าเสียหายอื่นนอกจากนี้ นับว่าเป็นค่าเสียหายในพฤติการณ์พิเศษ ซึ่งผู้เช่าจะต้องรู้ถึงความเสียหายพิเศษนี้ในระยะเวลาอันสมควรก่อนที่ตกลงไว้ว่าจะออกจากสถานที่เช่า ผู้ให้เช่าจึงเรียกร้องค่าเสียหายในพฤติการณ์พิเศษนี้จากผู้เช่าได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมบริษัทจำเลยที่๑ ได้เช่าตึกของโจทก์โดยมิได้ทำสัญญาเป็นหนังสือ ต่อมาโจทก์จะขายที่ดินและตึกดังกล่าว จึงบอกเลิกการเช่าและให้จำเลยย้ายไปที่อื่นภายใน ๓ เดือน เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๔๙๘ โจทก์ได้ทำหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินและตึกให้แก่นายจรูญ สีบุญเรือง ในราคา ๑,๖๐๐,๐๐๐ บาท โดยมีเงื่อนไข เป็นสาระสำคัญว่า โจทก์รับรองจะให้จำเลยออกจากตึกและให้นายจรูญเข้าครอบครองที่ดินและตึกภายใน ๓ เดือน นับแต่วันทำสัญญา มิฉะนั้นจะต้องใช้ค่าปรับ ๑๖๐,๐๐๐ บาท จำเลยขืนครอบครองตึกเป็นเหตุให้ส่งมอบตึกให้นายจรูญ ไม่ได้ตามกำหนด โจทก์จึงฟ้องเรียกเบี้ยปรับที่โจทก์ต้องเสียแต่นายจรูญ และค่าเสียหายอื่น ๆ อีก
จำเลยให้การว่า จำเลยได้เช่าตึกของโจทก์จริง โจทก์เป็นผู้เริ่มตั้งบริษัทจำเลย เป็นผู้ถือหุ้นจำนวนมาก และเป็นประธานกรรมการบริษัท จำเลยตลอดมา โจทก์กระทำการไม่สุจริตเพราะโกรธเคืองบริษัท จำเลยไม่ซื้อที่ดินและตึกของโจทก์ โจทก์จึงหาทางแกล้งฟ้องจำเลยและปฏิเสธความรับผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงินให้โจทก์ ๑๖๐,๐๐๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ย และยกฟ้องจำเลยที่ ๒
โจทก์และจำเลยที่ ๑ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๑ เสียด้วย นอกนั้นยืนตาม
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ในคดีนี้เป็นบุคคลที่อยู่ใน ๒ ฐานะ คือเป็นเจ้าของผู้ให้เช่าที่ดิน และตึกพิพาทฐานะหนึ่ง และเป็นประธานกรรมการบริษัทจำกัดอีกฐานะหนึ่ง โจทก์ในฐานะที่เป็นกรรมการบริษัทของจำเลยจึงมีหน้าที่จะต้องใช้ความเอื้อเฟื้อสอดส่องอย่างบุคคลค้าขายผู้ประกอบด้วยความระมัดระวังตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๑๖๗ เพื่อประโยชน์แก้ผู้ถือหุ้นทั้งหลาย เป็นหน้าที่ที่กฎหมายบังคับไว้ ส่วนเรื่องค่าสินไหมทดแทนการที่จำเลยออกจากสถานที่เช่าเนิ่นช้านั้น ตามธรรมดาควรจะเป็นจำนวนเงินเท่ากับค่าเช่าเป็นรายวันไป ค่าเสียหายอื่นนอกจากนี้นับว่าเป็นค่าเสียหายในพฤติการณ์พิเศษ ซึ่งผู้เช่าจะต้องรู้ถึงความเสียหายพิเศษนี้ในระยะเวลาอันสมควรก่อนวันที่ตกลงไว้ว่าจะออกจากสถานที่เช่า โจทก์ได้ทราบความเสียหายพิเศษนี้ดีอยู่แล้ว โจทก์ทำสัญญายอมให้นายจรูญปรับ ถ้าส่งมอบที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไม่ได้ภายใน ๓ เดือน นับแต่วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๔๙๘ ซึ่งจะครบ ๓ เดือน ในวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๔๙๘ โจทก์เพิ่งแจ้งความเสียหายในพฤติการณ์พิเศษนี้ไปถึงทางการของบริษัทจำเลยให้ทราบเมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๔๙๘
โจทก์ปกปิดความจริงอันควรบอกให้แจ้งเพื่อฟ้องกันความเสียหายของบริษัทจำเลยซึ่งตนเป็นประธานกรรมการอยู่ตลอดเวลา ๓ เดือน เพิ่งบอกแจ้งให้ทางการบริษัททราบเมื่ออีก ๑ วัน จะต้องถูกนายจรูญปรับ ทางการบริษัทไม่สามารถขนย้ายได้ทัน ในวันที่ ๓ กันยายน ๒๔๙๘ โจทก์ได้ชำระเงิน ๑๖๐,๐๐๐ บาทและเงินมัดจำที่ว่าได้รับไว้ในนายจรูญทันที การกระทำของโจทก์ในฐานประธานกรรมการของบริษัทจำเลยเป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ผิดวิสัยของบุคคลค้าขายผู้ประกอบการด้วยความระมัดระวัง จะพึงปฏิบัติ ทำให้บริษัทและผู้ถือหุ้นทั้งหลายต้องเสียหายโจทก์จะนำผลแห่งความละเมิดของตนมาฟ้องร้องเอาประโยชน์จากบริษัทจำเลยไม่ได้
พิพากษายืน

Share