คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 876/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีร้องขัดทรัพย์ที่มีประเด็นว่าที่พิพาทที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้องขัดทรัพย์หรือเป็นของจำเลยนั้น เมื่อศาลได้วินิจฉัยว่า จำเลยเป็นเจ้าของที่รายพิพาทแล้ว ดังนี้ ย่อมรวมถึงว่า จำเลยเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทด้วย

ย่อยาว

คดีนี้ ผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นคำร้องว่า ที่ดินเบื้อที่ ๒๔ ไร่เศษ ตามใบนำเลขที่ ๓๔ ที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้องครอบครองมาอย่างเจ้าของ ขอให้ถอนการยึด
โจทก์ให้การแก้คดีว่า ที่ดินตามใบนำที่ ๒๔ เนื้อที่ ๒๐๖ ไร่ ๑ งาน ๕๒ วา เดิมเป็นของนางเกิด นางตาล ๆ ขายให้นายเติมนายเพิ่ม ต่อมานายเพิ่มตาย นายสงวนบุตรนายเพิ่มรับมรดก แล้วจดทะเบียนทำนิติกรรมนายส่วนที่รับมรดกให้นายโตสามี จำเลย ๑๐๓ ไร่ ๗๖ วา ผู้ร้องก็ทราบหาคัดค้านอย่างไรไม่ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่า นายโตสามีจำเลยได้ซื้อทีดินตามใบนำที่ ๓๔ ครึ่งหนึ่ง ซึ่งรวมถึงที่พิพาทด้วย ที่พิพาทจึงเป็นของจำเลย โจทก์จึงยึดมาขายทอดตลาดได้ ให้ยกคำร้องขัดทรัพย์
ผู้ร้องขัดทรัพย์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดีมีประเด็นว่า ฝ่ายใดเป็นผู้ครอบครองที่พิพาท ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยเรื่องการครอบครองที่พิพาท ซึ่งเป็นข้อแพ้ชนะในคดี พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลชั้นต้นได้พิจารณาและพิพากษาไปถึงว่า จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินรายพิพาท ซึ่งก็รวมตลอดถึงการครอบครองด้วยแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยเรื่องครอบครองอีก
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share