คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3839/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์นอกจากจะได้กล่าวในฟ้องในตอนต้นและตอนท้ายว่าจำเลยหลอกลวงโจทก์อาศัยความโง่เขลาเบาปัญญาและความอ่อนแอแห่งจิตของโจทก์แล้ว โจทก์ยังบรรยายข้อความที่จำเลยหลอกลวงโจทก์อีกว่า เหล็กไหลสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บที่โจทก์กำลังเป็นอยู่นั้นให้หายขาดได้ ซึ่งพอเป็นที่เข้าใจได้ว่า ความอ่อนแอแห่งจิตของโจทก์เนื่องมาจากความเจ็บป่วย และคำว่าโง่เขลาเบาปัญญาก็แสดงอยู่ว่าโจทก์นั้นถูกหลอกลวงให้หลงเชื่อได้ง่ายกว่าคนมีจิตปกติ ฟ้องโจทก์จึงสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342(2) และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยหลอกลวงโจทก์ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ โดยอาศัยความโง่เขลาเบาปัญญาของโจทก์และประกอบด้วยความอ่อนแอทางจิตของโจทก์ให้หลงเชื่อว่าเป็นความจริง กล่าวคือจำเลยได้แสดงตนต่อโจทก์ว่าเป็นคนทรงเจ้าเข้าผีสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ ทำให้โจทก์หลงเชื่อว่าเป็นความจริง และจำเลยยังได้แสดงข้อความอันเป็นเท็จโดยปกปิดข้อความจริงอันควรบอกให้แจ้งอีกว่าเหล็กไหลเป็นของวิเศษ สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่โจทก์กำลังเป็นอยู่ในขณะนั้นให้หายขาดได้ อีกทั้งเหล็กไหลเป็นของวิเศษปืนยิงไม่ออก ตลอดจนสามารถใช้ในการแสวงหาโชคลาภทำให้ร่ำรวยได้ ทำให้โจทก์หลงเชื่อว่าเป็นความจริง ความจริงแล้วเหล็กไหลไม่มีอยู่จริงและไม่สามารถรักษาโรค ตลอดจนไม่สามารถใช้แสวงหาโชคลาภทำให้ร่ำรวยได้ และจำเลยได้หลอกลวงโจทก์อีกว่า ถ้าโจทก์ต้องการซื้อจำเลยจะเป็นผู้จัดการซื้อให้จากพระอาจารย์แสงจันทร์ซึ่งเป็นของแท้จริง โจทก์หลงเชื่อว่าเป็นความจริงจึงมอบทรัพย์ให้แก่จำเลยไปเพื่อซื้อเหล็กไหลตามที่จำเลยหลอกลวง ซึ่งความจริงแล้วข้อความดังกล่าวล้วนเป็นความเท็จเพราะพระอาจารย์แสงจันทร์ไม่มีตัวตนอยู่เลย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 342(2), 91 และคืนเงินแก่โจทก์

ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนมูลฟ้อง ถึงวันนัดศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ฟ้องและขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงโดยอาศัยความโง่เขลาเบาปัญญาและความอ่อนแอแห่งจิตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342(2) แต่มิได้บรรยายให้ชัดเจนว่า โจทก์เป็นผู้โง่เขลาเบาปัญญาอย่างไร หรือเหตุใดจึงเป็นผู้มีจิตอ่อนแอ ฟ้องของโจทก์หากจะเป็นการฉ้อโกง ก็เป็นการฉ้อโกงตามมาตรา 341 อยู่ในอำนาจศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษา จึงให้งดไต่สวน คืนฟ้องให้แก่โจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์นอกจากจะได้กล่าวในฟ้องในตอนต้นและตอนท้ายว่า จำเลยหลอกลวงโจทก์โดยอาศัยความโง่เขลาเบาปัญญาและความอ่อนแอแห่งจิตของโจทก์แล้ว โจทก์ยังบรรยายข้อความที่จำเลยกล่าวหลอกลวงโจทก์อีกว่า เหล็กไหลสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บที่โจทก์กำลังเป็นอยู่นั้นให้หายขาดได้ ซึ่งพอเป็นที่เข้าใจได้ว่า ความอ่อนแอแห่งจิตของโจทก์เนื่องมาจากความเจ็บป่วยและคำว่าโง่เขลาเบาปัญญา ก็แสดงอยู่ว่าโจทก์นั้นถูกหลอกลวงให้หลงเชื่อได้ง่ายกว่าคนมีจิตปกติ ฟ้องโจทก์จึงสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342(2) และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5)

พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาคดีของโจทก์ต่อไปตามรูปความ

Share