แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ที่ดินร่วมกับจำเลยทั้งแปลง มิได้มีกรรมสิทธิ์ส่วนไหนแยกต่างหากไปจากจำเลย ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอกันส่วนที่ดินของตนจากที่ดินที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยนำยึดไว้ แต่ชอบที่จะขอกันส่วนของตนจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาด
ที่ผู้ร้องทั้งสี่ขอให้งดการขายทอดตลาดไว้ก่อนเพื่อผู้ร้องทั้งสี่ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมฝ่ายข้างมากจะได้ตกลงแบ่งที่ดินกับจำเลยก่อนนั้นเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดที่ดินแล้ว หากจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษายอมก่อให้เกิดหรือโอน หรือเปลี่ยนแปลงสิทธิในทรัพย์สินที่ถูกยึดไว้ ก็ไม่อาจใช้ยันโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 305 จึงไม่มีเหตุให้งดการขายทอดตลาด.
ย่อยาว
สืบเนื่องมาจากศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย จำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาโจทก์จึงนำยึดที่ดินสองแปลงซึ่งมีชื่อจำเลยถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับผู้ร้องทั้งสี่ ผู้ร้องทั้งสี่ยื่นคำร้องผู้ร้องทั้งสี่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมฝ่ายข้างมาก ตกลงที่จะแบ่งที่ดินกันเองในระหว่างเจ้าของรวมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1364ก่อนการขายทอดตลาดที่ดินกรรมสิทธิ์รวมทั้งหมดขัดต่อสิทธิของผู้ร้องทั้งสี่อันมีอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หมวดกรรมสิทธิ์รวมมาตรา 1356 ถึงมาตรา 1366 ขอให้งดการขายทอดตลาดให้เพิกถอนการขายทอดตลาดให้ผู้ร้องทั้งสี่แบ่งที่ดินออกเป็นส่วนของผู้ร้องทั้งสี่เสียก่อน กับให้โจทก์บังคับเอาจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยก่อน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าศาลสั่งบังคับคดีจำเลยชอบแล้ว หากผู้ร้องมีส่วนได้เสียในทรัพย์ที่ถูกบังคับคดีอย่างไร ก็ชอบที่จะดำเนินการตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งศาลไม่อาจจะสั่งให้งดการขายทอดตลาดแล้วแบ่งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ให้ผู้ร้องก่อนตามคำร้อง ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคำร้องของผู้ร้องทั้งสี่อ้างว่าผู้ร้องทั้งสี่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้งสองแปลงร่วมกับจำเลย เมื่อจำเลยเป็นเจ้าของทรัพย์ดังกล่าวและจำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์ โจทก์ย่อมยึดทรัพย์นั้นมาขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ได้ ส่วนที่ผู้ร้องทั้งสี่ขอกันส่วนไว้ก่อนการขายทอดตลาดนั้น ไม่ปรากฏตามคำร้องว่าผู้ร้องทั้งสี่มีกรรมสิทธิ์ส่วนไหนของที่ดินแยกต่างหากไปจากจำเลย จำเลยจึงยังคงมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินร่วมกับผู้ร้องทั้งสี่ทุกส่วนทั้งสองแปลง สำหรับข้ออ้างที่ผู้ร้องทั้งสี่ขอให้งดการขายทอดตลาดไว้ก่อนเพื่อผู้ร้องทั้งสี่ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมฝ่ายข้างมากจะได้ตกลงแบ่งที่ดินกับจำเลยก่อนนั้นเห็นว่าเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดที่ดินทั้งสองแปลงนี้แล้ว หากจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษายอมก่อให้เกิดหรือโอนหรือเปลี่ยนแปลงสิทธิในทรัพย์สินที่ถูกยึดไว้ ก็ไม่อาจใช้ยันโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 305 จึงไม่มีเหตุให้งดการขายทอดตลาดไว้ตามคำร้อง ผู้ร้องชอบที่จะขอกันส่วนของตนจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดเท่านั้น
พิพากษายืนโจทก์แก้ฎีกาเกินกำหนดจึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้.