แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
มาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ ให้บทนิยามคำว่า “ผลิต” หมายความว่า เพาะ ปลูก ทำ ผสม ปรุง แปรสภาพ เปลี่ยนรูป สังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ และให้หมายความตลอดถึงการแบ่งบรรจุ หรือรวมบรรจุด้วย การที่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ร่วมกันแบ่งเมทแอมเฟตามีนของกลางใส่ในหลอดกาแฟโดยยังมีหลอดกาแฟหลายหลอดที่เตรียมไว้เพื่อการแบ่งบรรจุเช่นนี้ ถือว่าเป็นารผลิตตามบทนิยามในมาตรา 4 ดังกล่าว
ในฟ้องข้อ 1 ก โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามได้บังอาจร่วมกันผลิตโดยแบ่งบรรจุและมีเมทแอมเฟตามีน 246 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย คำว่า เพื่อจำหน่ายนั้น โจทก์ได้บรรยายมุ่งถึงข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง มิใช่ข้อหาผลิตเมทแอมเฟตามีน ทั้งในฟ้องข้อ 2 ก็ได้บรรยายย้ำว่า เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสามได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยทั้งสามร่วมกันผลิตและมีไว้เพื่อจำหน่าย และที่เหลือจากการจำหน่ายกับจำหน่ายด้วย จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์บรรยายข้อหาผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่ายมาในฟ้องแล้ว ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 มีความผิดฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย และลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 3 ในข้อหาดังกล่าว จึงเป็นการเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา192 วรรคหนึ่ง ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 จำเลยที่ 1 และที่ 3 คงมีความผิดฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนเท่านั้น แม้ศาลฎีกาจะไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ 2 เนื่องจากต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 245 วรรคสอง แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาไปตลอดถึงจำเลยที่ 2 ได้ด้วยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 65, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58, 83, 91 ริบของกลาง และบวกโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย.5135/2543 ของศาลชั้นต้น กับบวกโทษจำคุกของจำเลยที่ 3 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2141/2542 ของศาลจังหวัดตรัง เข้ากับโทษของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ในคดีนี้
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพฐานมีเมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย กับฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ให้การปฏิเสธฐานผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การปฏิเสธ จำเลยที่ 1 และที่ 3 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง วรรคสอง, 65 วรรคสอง, 66 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย กับฐานมีเมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่ายอันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลงโทษประหารชีวิตฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 5 ปี คำให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนในความผิดฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย และคำให้การรับสารภาพฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่ายหนึ่งในสามลดโทษฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (1) คงลงโทษฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่ายจำคุกตลอดชีวิต และฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 2 ปี 6 เดือน เมื่อลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิตแล้ว จึงไม่อาจนำโทษจำคุกฐานอื่นและโทษจำคุกที่ศาลรอการลงโทษมาบวกเข้ากับโทษจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ได้อีก จำเลยที่ 2 และที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง วรรคสอง, 65 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ลงโทษประหารชีวิต คำรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (1) คงจำคุกตลอดชีวิต เมื่อลงโทษจำคุกจำเลยที่ 3 ตลอดชีวิตแล้ว จึงไม่อาจนำโทษจำคุกที่ศาลรอการลงโทษมาบวกเข้ากับโทษจำเลยที่ 3 ในคดีนี้ได้ คำขอส่วนนี้จึงให้ยก ริบของกลาง ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยที่ 1 และที่ 3 อุทธรณ์ ส่วนจำเลยที่ 2 อุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 แต่มิได้ระบุว่าให้ส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสอง ศาลอุทธรณ์จึงพิจารณาคดีให้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสอง ด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี 6 เดือน จึงต้องห้ามมิให้จำเลยที่ 1 ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง และจำเลยที่ 2 ฎีกาว่ามิได้กระทำความผิดฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย แต่ในชั้นอุทธรณ์จำเลยที่ 2 มิได้อุทธรณ์ว่าไม่ได้กระทำความผิด โดยอุทธรณ์ขอให้ลดโทษข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่ายหรือไม่ ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยให้เนื่องจากเป็นคดีที่ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตศาลชั้นต้นมีหน้าที่ส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนข้อที่ว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดหรือไม่ จึงเป็นอันถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสอง เมื่อจำเลยที่ 2 ฎีกาว่าไม่ได้กระทำความผิด จึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ เมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยที่ 1 และที่ 3 ร่วมกันแบ่งเมทแอมเฟตามีนของกลางใส่หลอดกาแฟแล้วใช้เทียนไขลนปิดหัวท้าย บทบัญญัติมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ให้บทนิยามคำว่า “ผลิต” หมายความว่า เพาะ ปลูก ทำ ผสม ปรุง แปรสภาพ เปลี่ยนรูป สังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ และให้หมายความรวมตลอดถึงการแบ่งบรรจุ หรือรวมบรรจุด้วย การที่จำเลยที่1 และที่ 3 ร่วมกันแบ่งเมทแอมเฟตามีนของกลางใส่ในหลอดกาแฟโดยยังมีหลอดกาแฟหลายหลอดที่เตรียมไว้เพื่อการแบ่งบรรจุเช่นนี้ ถือว่าเป็นการผลิตตามบทนิยามในมาตรา 4 ดังกล่าวอันเป็นการแบ่งบรรจุ มีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 มีความผิดฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่ายหรือไม่ ปรากฏว่า ในฟ้องข้อ 1 ก โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามได้บังอาจร่วมกันผลิตโดยแบ่งบรรจุและมีเมทแอมเฟตามีน 246 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เห็นว่า คำว่าเพื่อจำหน่ายนั้นโจทก์ได้บรรยายมุ่งถึงข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง มิใช่ข้อหาผลิตเมทแอมเฟตามีน ทั้งในฟ้องข้อ 2 ก็ได้บรรยายย้ำว่า เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสามได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยทั้งสามร่วมกันผลิต และมีไว้เพื่อจำหน่าย และที่เหลือจากการจำหน่ายกับจำหน่ายด้วย จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์บรรยายข้อหาผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่ายมาในฟ้องแล้ว ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 มีความผิดฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย และลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 3 ในข้อหาดังกล่าว จึงเป็นการเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคหนึ่ง ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 จำเลยที่ 1 และที่ 3 คงมีความผิดฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนเท่านั้น ฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ฟังขึ้นบางส่วน แม้ศาลฎีกาจะไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ 2 เนื่องจากต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสอง ก็ตาม แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาไปตลอดถึงจำเลยที่ 2 ได้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง วรรคสอง (เดิม), 65 วรรคสาม (ที่แก้ไขใหม่) 66 วรรคหนึ่ง (เดิม) จำเลยที่ 2 และที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 65 วรรคสาม (ที่แก้ไขใหม่) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานผลิตเมทแอมเฟตามีนโดยการแบ่งบรรจุ และฐานมีเมทแอมเฟตามีนกับเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนกับเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 20 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีกำหนดคนละ 12 ปี เมื่อลดโทษให้จำเลยทั้งสามคนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 13 ปี 4 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีกำหนดคนละ 8 ปี เมื่อรวมกับโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนแล้ว เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 15 ปี 10 เดือน บวกโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย.5135/2543 ของศาลชั้นต้น และจำเลยที่ 3 มีกำหนด 15 เดือน 15 วัน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2141/2542 ของศาลจังหวัดตรัง เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ในคดีนี้ เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 15 ปี 16 เดือน จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 8 ปี 15 เดือน 15 วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์