แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
บ.อุทิศที่ดินพิพาทให้เป็นถนนสาธารณะเพื่อให้ประชาชนใช้ร่วมกันโดยปริยาย ที่ดินพิพาทจึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันแม้ต่อมาจำเลยซึ่งเป็นผู้ดูแลถนนสาธารณสมบัติของแผ่นดินยังไม่ได้ทำถนนในที่ดินพิพาท และบ.ได้ไปขอออก น.ส.3 ที่ดินพิพาทในนามของตนอีก ก็ไม่ทำให้ที่ดินพิพาทกลับเป็นของ บ.การที่ บ. โอนที่ดินพิพาทให้ป.และ ป.โอนให้โจทก์หาทำให้ ป. และโจทก์ ผู้รับโอนมีสิทธิดีกว่าบ. ผู้โอนไม่.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบุตรนายบุญและนางพริ้ม เหมือนวงศ์ที่ดินของนายบุญ 1 แปลง ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่380 ตกทอดเป็นมรดกแก่โจทก์ โจทก์ได้ขอออกโฉนดสำหรับที่ดินดังกล่าว จำเลยคัดค้านว่าเป็นที่สาธารณประโยชน์ การกระทำของจำเลยเป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ ขอให้พิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์ เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เป็นส่วนหนึ่งของถนนตัดใหม่ ซึ่งประชาชนใช้เป็นทางสัญจรเป็นเวลา 28 ปีแล้ว หากโจทก์หรือนายบุญเคยครอบครองมาก่อนโจทก์กับนายบุญก็สละสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทโดยอุทิศให้เป็นถนนสาธารณะโดยปริยายแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิครอบครอง ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินโจทก์ต่อไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่โจทก์มีสิทธิครอบครองหรือไม่ เห็นว่า…พยานหลักฐานของจำเลยมีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของโจทก์ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าที่ดินพิพาทนายบุญได้อุทิศให้เป็นถนนสาธารณะเพื่อให้ประชาชนใช้ร่วมกันโดยปริยายตั้งแต่ปี 2498 ที่ดินพิพาทจึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304ดังนั้นแม้ต่อมาจำเลยซึ่งเป็นผู้ดูแลถนนสาธารณสมบัติของแผ่นดินยังไม่ได้ทำถนนในที่ดินพิพาท และนายบุญกลับไปขอออก น.ส.3 ที่ดินพิพาทในนามของตนอีกหรือแม้จะฟังว่านายเคล้าผู้อาศัยในที่ดินพิพาทยอมรับว่าที่ดินพิพาทเป็นกองมรดกของนายบุญก็ตาม ก็หาทำให้ที่ดินพิพาทซึ่งเป็นถนนสาธารณะซึ่งพลเมืองใช้ร่วมกันกลายเป็นของนายบุญอีกไม่ การที่นายบุญโอนที่ดินพิพาทให้นายปล่องและนายปล่องโอนให้โจทก์ในเวลาต่อมา หาทำให้นายปล่องและโจทก์ผู้รับโอนมีสิทธิดีกว่านายบุญผู้โอนไม่ ที่ดินพิพาทยังคงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันเช่นเดิม ที่โจทก์ฎีกาว่านายบุญยังไม่ได้อุทิศที่ดินพิพาทให้เป็นถนนสาธารณประโยชน์เพราะไม่ได้ทำเป็นหนังสือนั้น เห็นว่า การอุทิศที่ดินให้เป็นถนนสาธารณประโยชน์อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันโดยปริยายนั้น หาจำเป็นต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ การอุทิศดังกล่าวย่อมมีผลสมบูรณ์เช่นกัน ที่โจทก์ฎีกาอีกว่าในการทำนิติกรรมการโอนที่ดินพิพาทระหว่างนายบุญกับนายปล่องและระหว่างนายปล่องกับโจทก์ จำเลยไม่ได้คัดค้าน ย่อมถือว่าที่ดินพิพาทยังเป็นของนายบุญและโจทก์เป็นผู้ครอบครองตลอดมา ไม่ตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้นเห็นว่า การที่จำเลยไม่คัดค้าน อาจเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ของจำเลยพลั้งเผลอ หรืออาจเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ของจำเลยสมัยนั้นไม่ละเอียดเพียงพอในการตรวจสอบโดยไม่ได้ตรวจสอบที่ดินรอบที่ดินพิพาทคือที่ดินตามโฉนดเลขที่ 1273, 2927, 2251, 6104, 2499และ 2563 เอกสารหมาย ล.4 ถึง ล.6 จึงไม่ทราบก็เป็นได้ ทั้งการอุทิศที่ดินพิพาทของนายบุญก็กระทำโดยปริยาย มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติวิสัยแต่อย่างใด ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.