คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3806/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยได้กำหนดระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดหาวัสดุอุปกรณ์การเกษตรเป็นเงินสดว่า ให้หัวหน้าหน่วยอำเภอเป็นผู้เก็บรักษาเงินสดที่ได้จากการจัดหาวัสดุอุปกรณ์และเป็นผู้รับผิดชอบส่งเงินสดที่มีจำนวนตั้งแต่ 1,000 บาท ขึ้นไปฝากธนาคารหรือส่งให้สาขา โจทก์เป็นหัวหน้าหน่วยสินเชื่ออำเภอสุไหงปาดีมีหน้าที่รับผิดชอบด้านการเงิน จึงต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับดังกล่าวอย่างเคร่งรัด มิฉะนั้นแล้วจะส่งผลกระทบกระเทือนไปถึงความเชื่อถือของประชาชนที่มีต่อกิจการธนาคารของจำเลย จนอาจทำให้ไม่สามารถดำรงอยู่ต่อไปได้ การที่โจทก์รับเงินจากลุกค้าการเกษตรไว้จำนวน 1,074 บาท แม้จะเกินจำนวนที่โจทก์สามารถเก็บรักษาไว้ได้โดยไม่ต้องส่งฝากเข้าบัญชีเงินฝากของสาขาเพียง 74 บาท แต่เมื่อโจทก์ส่งฝากเข้าบัญชีสาขาล่าช้าถึง 5 วัน ทั้งที่โจทก์สามารถนำเงินไปฝากได้ทันทีตามกำหนดนั้น ถือได้ว่าโจทก์จงใจฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยอย่างขัดแจ้งอันเป็นกรณีร้ายแรงตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47 (3) จำเลยสามารถเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าเสียหายเนื่องจากเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม ค่าชดเชย และค่าสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ารวมเป็นเงิน ๒,๓๙๐,๘๘๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า เลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์จงใจไม่ปฏิบัติตามวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดหาวัสดุอุปกรณ์การเกษตรเป็นเงินสด ซึ่งเป็นการกระทำผิดวินัยเป็นกรณีร้ายแรง จำเลยไม่ต้องจ่ายเงินตามฟ้องให้แก่โจทก์
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์เป็นเงิน ๔๘,๙๖๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า จำเลยได้กำหนดวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดหาวัสดุอุปกรณ์การเกษตรเป็นเงินสดตามหนังสือที่ ๐๔๑๔/ว ๙๔ ลงวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๒๙ ตามเอกสารหมาย ล.๕ ข้อ ๑.๒.๓ ว่า ” ให้หัวหน้าหน่วยอำเภอเป็นผู้เก็บรักษาเงินสดที่ได้จากการจัดหาวัสดุอุปกรณ์การเกษตร และเป็นผู้รับผิดชอบส่งฝากเข้าบัญชีเงินฝากของสาขาที่ธนาคารพาณิชย์หรือส่งให้สาขาทางไปรษณีย์ธนาณัติทุกวันทำการ อย่างไรก็ตามถ้าในวันใดวันหนึ่งมีจำนวนเงินสดไม่ถึง ๑,๐๐๐ บาท หัวหน้าหน่วยอำเภออาจพิจารณาเก็บรักษาไว้ก่อนได้ จนกว่าจะมีจำนวนเงินสดตั้งแต่ ๑,๐๐๐ บาทขึ้นไป จึงนำเงินทั้งหมดไปฝากธนาคารหรือส่งให้สาขาทางไปรษณีย์ธนาณัติตามที่กล่าวข้างต้น…” สำหรับกรณีของโจทก์ได้ความว่าโจทก์ได้รับชำระเงินค่าขายข้าวสารไว้จากลูกค้าเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๓๐ มีจำนวน ๑,๐๗๔ บาท แต่โจทก์เพิ่งนำเงินจำนวนดังกล่าวส่งฝากเข้าบัญชีสาขาในวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๓๐ การกระทำของโจทก์จึงเป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยผู้เป็นนายจ้างอย่างชัดแจ้ง แม้จะได้ความตามข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางฟังมาว่า ในวันที่รับชำระเงินไว้จากลูกค้าโจทก์อยู่คนเดียว ศาลแรงงานกลางก็ฟังว่า ถือไม่ได้ว่าเหตุอ้างดังกล่าวเป็นข้อแสดงว่าโจทก์มิได้มีเจตนาจะฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย อีกนัยหนึ่งก็คือโจทก์จงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของธนาคารนั่นเอง การกระทำของโจทก์ดังกล่าวศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบด้านการเงิน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยเกี่ยวกับการเงินอย่างเคร่งครัด มิฉะนั้นแล้วจะส่งผลกระทบกระเทือนไปถึงความเชื่อถือของประชาชนอันมีต่อกิจการของจำเลยซึ่งเป็นกิจการธนาคาร ถึงขนาดที่ในที่สุดอาจทำให้กิจการของจำเลยไม่สามารถดำรงอยู่ต่อไปได้ จริงอยู่จำนวนเงินที่โจทก์รับไว้จากลูกค้ามีจำนวนเพียง ๑,๐๗๔ บาท เกินกว่าจำนวนเงินที่โจทก์สามารถเก็บรักษาไว้ได้โดยไม่ต้องส่งฝากเข้าบัญชีเงินฝากของสาขาที่ธนาคารพาณิชย์ฯ เพียง ๗๔ บาท แต่ตามข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางฟังมานั้น ฟังได้ว่า การที่โจทก์แม้จะอยู่คนเดียวในบ่ายวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๓๐ อันเป็นวันที่โจทก์ได้รับเงินไว้จากลูกค้า เหตุและข้ออ้างดังกล่าวยังไม่ถึงกับเป็นข้อขัดขวางการนำเงินส่งเข้าบัญชีแต่อย่างใด หมายความว่าแม้โจทก์จะอยู่คนเดียวก็ยังสามารถนำเงินส่งฝากเข้าบัญชีเงินฝากของสาขาที่ธนาคารพาณิชย์ฯ ได้ตามระเบียบ แต่โจทก์หาได้กระทำไม่ จงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบอย่างเห็นได้ชัด การกระทำของโจทก์เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างอันเป็นกรณีร้ายแรงตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานลงวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๑๕ ข้อ ๔๗ แล้ว จำเลยสามารถเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอของโจทก์ที่ให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์เสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง

Share