คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3772/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท จ. เกินกว่าร้อยละ 50 บริษัท จ. จึงต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลอย่างบุคคลธรรมดา ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 75 ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะเกิดเหตุพิพาท การที่โจทก์เสียภาษีในส่วนของบริษัทดังกล่าวจึงเป็นการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งเป็นคนละส่วนกับภาษีเงินได้บุคคลธรรดาที่โจทก์ถูกเจ้าพนักงานประเมินจากการที่โจทก์ให้บริษัท จ. ยืมเงินทดรองอันถือเป็นเงินได้ของโจทก์ ภาษีเงินได้สองส่วนนี้จึงไม่ซ้ำซ้อนกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทจินดามอเตอร์ จำกัด เมื่อบริษัทถูกจำเลยที่ ๒ ทำการประเมินให้เสียภาษีเงินได้สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี ๒๕๑๔ – ๒๕๑๘ โจทก์ก็ได้ไปชำระภาษีแล้ว การที่จำเลยที่ ๒ ทำการประเมินให้โจทก์เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับปีภาษี ๒๕๑๖ – ๒๕๑๗ ในยอดเงินที่โจทก์จ่ายทดรองให้กับบริษัทดังกล่าวอีก จึงเป็นการซ้ำซ้อน ไม่ชอบด้วยกฎหมายขอให้เพิกถอนการประเมินของจำเลยที่ ๒ และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๕ กับให้ลดหรืองดเงินภาษีเงินได้และเงินเพิ่ม
จำเลยทั้งห้าให้การว่า ภาษีทั้งสองส่วนดังกล่าวไม่ซ้ำซ้อนกันและการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินกับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์
จำเลยทั้งห้าอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่าในปัญหาที่ว่าการประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเอากับโจทก์ในปี พ.ศ.๒๕๑๖ และ ๒๕๑๗ นี้เป็นการซ้ำซ้อนกับการที่เจ้าพนักงานประเมินสรรพากรเขต ๗ ได้ทำการตรวจสอบและประเมินเรียกเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลจากบริษัทจินดามอเตอร์ จำกัด สำหรับปี พ.ศ.๒๕๑๔ – ๒๕๑๘ ซึ่งมีโจทก์เป็นกรรมการผู้จัดการและถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ ๕๐ หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า การประเมินภาษีดังกล่าวเป็นคนละส่วนกัน ได้ความจากนางสาวรัมภา เสวิกุล ผู้อำนวยการกองอุทธรณ์ภาษีอากรกรมสรรพากร ว่าการประเมินภาษีเงินได้ของโจทก์เป็นการประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ส่วนการประเมินภาษีเงินได้ของบริษัทจินดามอเตอร์ จำกัด เป็นการประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลจึงไมซ้ำซ้อนกันแต่โดยเหตุที่ภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทจินดามอเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่โจทก์ถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ ๕๐ จึงต้องเสียภาษีเงินได้อย่างบุคคลธรรมดาตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๗๔ ซึ่งบังคับใช้อยู่ในขณะพิพาท การเสียภาษีของบริษัทจินดามอเตอร์ จำกัด ซึ่งโจทก์เป็นผู้เสีย จึงเป็นภาษีในส่วนของบริษัทนิติบุคคล หาใช่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่โจทก์ถูกเจ้าพนักงานประเมินในคดีนี้ไม่ การที่โจทก์ให้บริษัทยืมเงินทดรองนั้นถือเป็นเงินได้ของโจทก์จึงเป็นภาษีคนละส่วนต่างหากจากกัน ซึ่งรัฐทำการเก็บภาษีเงินได้ทั้งจากบุคคลธรรมดา และจากบริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ภาษีเงินได้ของทั้งสองส่วนจึงไม่อาจะเรียกได้ว่าเป็นภาษีซ้ำซ้อน แต่เป็นภาษีตามที่ประมวลรัษฎากรบัญญัติไว้
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share