แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าหนี้จำนองยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองจากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองให้เอาเงินที่ได้มานั้นชำระหนี้ตนก่อนเจ้าหนี้อื่นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 289 ได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวบังคับจำนองก่อน เพราะไม่ใช่เรื่องฟ้องบังคับจำนองโดยตรงที่จะต้องบอกกล่าวไปยังลูกหนี้ก่อนตาม ป.พ.พ. มาตรา 728
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อไปคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี หากคืนไม่ได้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ราคาแทนเป็นเงิน 200,000 บาท และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์เป็นเงิน 123,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 123,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 43187 ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี และสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีชื่อนางพจนีย์ภริยาจำเลยที่ 2 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ออกขายทอดตลาดเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา
ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองจำนวน 503,577.20 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 11 ต่อปีของต้นเงิน 307,069.15 บาท นับถัดจากวันยื่นคำร้องจนกว่าจะชำระเสร็จ โดยขอรับชำระหนี้ก่อนโจทก์และเจ้าหนี้รายอื่น
โจทก์และจำเลยทั้งสองไม่คัดค้าน
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วเห็นว่า ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เจ้าพนักงานบังคับคดีคดีนี้ยึดไว้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จำนองจากการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาท โดยอาศัยสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 ดังนั้น ผู้ร้องต้องบอกกล่าวเป็นหนังสือไปยังนางพจนีย์ผู้จำนองซึ่งเป็นลูกหนี้และต้องกำหนดเวลาอันสมควรเพื่อให้โอกาสนางพจนีย์ชำระหนี้และไถ่ถอนจำนอง จึงจะมีอำนาจฟ้องบังคับจำนองได้ ตามคำร้องและทางไต่สวนไม่ปรากฏว่าผู้ร้องดำเนินการในเรื่องนี้ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิบังคับจำนอง ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทซึ่งนางพจนีย์ภริยาจำเลยที่ 2 นำมาจดทะเบียนจำนองไว้เป็นประกันหนี้เงินกู้ในวงเงิน 330,000 บาท นางพจนีย์ผิดนัดไม่ชำระหนี้ ต่อมานางพจนีย์ได้มาตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับผู้ร้องโดยโอนสิทธิตามสัญญาจำนองเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความด้วย แต่นางพจนีย์ไม่ชำระหนี้ตามที่ได้ตกลงเป็นการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ ต่อมาโจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษา วันที่ 23 พฤศจิกายน 2548 ผู้ร้องจึงคำนวณต้นเงินและดอกเบี้ยนำมายื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ยื่นคำร้องขอต่อศาลเพื่อให้เอาเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองมาชำระหนี้ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่นต้องมีการบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังนางพจนีย์ลูกหนี้ก่อนหรือไม่ เห็นว่า การบังคับจำนองซึ่งจะต้องมีการบอกกล่าวไปยังลูกหนี้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 728 นั้น เป็นกรณีที่เจ้าหนี้ซึ่งเป็นผู้รับจำนองจะฟ้องบังคับจำนองต่อศาลเพื่อให้พิพากษาสั่งให้ยึดทรัพย์สินซึ่งจำนองและให้ขายทอดตลาดอันกฎหมายบังคับว่าต้องบอกกล่าวบังคับจำนองก่อน แต่กรณีนี้เป็นเรื่องที่ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำนองยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองจากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองให้เอาเงินที่ได้มานั้นชำระหนี้แก่ตนโดยไม่จำเป็นต้องฟ้องนางพจนีย์ผู้จำนองก่อน หรือผู้จำนองต้องเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาอันเป็นการใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 ไม่ใช่เรื่องฟ้องบังคับจำนองโดยตรงที่จะต้องบอกกล่าวไปยังลูกหนี้ก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 728 และไม่มีกฎหมายบังคับให้การขอรับชำระหนี้จำนองจากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองซึ่งผู้ร้องมีบุริมสิทธิในการที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 จะต้องบอกกล่าวบังคับจำนองก่อน หากผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำนองผู้ร้องย่อมอาศัยอำนาจแห่งการจำนองขอให้ศาลขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทโดยปลอดจำนอง เพื่อนำเงินที่ขายได้ชำระหนี้แก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่นได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวบังคับจำนอง และเมื่อข้อเท็จจริงได้ความตามที่ศาลชั้นต้นฟังมาแล้วว่า นางพจนีย์ จำเลยที่ 2 จดทะเบียนจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทเป็นประกันหนี้เงินกู้ต่อผู้ร้องจริง ผู้ร้องจึงชอบที่จะใช้สิทธิขอรับชำระหนี้จำนองจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทก่อนเจ้าหนี้อื่นได้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังขึ้น
พิพากษากลับ อนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จำนองจากทรัพย์สินที่จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นฎีกาให้เป็นพับ.