แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เสียหายกับจำเลยทะเลาะกัน ในที่สุดจำเลยชักปืนเล็งไปที่หน้าอกผู้เสียหายและขึ้นนกปืนจะยิงในระยะห่างประมาณ 1 เมตรเศษ สามีจำเลยเข้าจับมือกดลงต่ำ ปืนลั่นกระสุนถูกผู้อื่นที่เท้า ดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่า
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 กระทงหนึ่ง จำคุก 1 ปี มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ อีกกระทงหนึ่ง จำคุก 4 เดือน ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 8 เดือน มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80อีกกระทงหนึ่งจำคุก 10 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องเฉพาะข้อหาพยายามฆ่าโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงคงฟังได้จากคำพยานทั้งสองฝ่ายว่าในวันเกิดเหตุนั้นผู้เสียหายกับจำเลยทะเลาะกันเรื่องการขายตั๋วรถโดยสารตั้งแต่ตอนสายจนถึงเวลาเกิดเหตุ ผู้เสียหายซึ่งเป็นกระเป๋ารถยนต์ โดยสารนำตั๋วไปให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทตรวจที่ท่ารถ จำเลยก็ตามไปทะเลาะและโต้เถียงกันรุนแรงขึ้นในที่สุดจำเลยได้ชักปืนออกจากเอวในระยะห่างผู้เสียหายประมาณ 1เมตรเศษ สามีจำเลยได้เข้าแย่งปืนและปืนลั่น กระสุนถูกนายสุชินที่เท้าซ้าย ปัญหาว่าจำเลยชักปืนออกจะยิงผู้เสียหายหรือไม่ ข้อนี้โจทก์มีผู้เสียหายเบิกความว่าจำเลยชักปืนออกมาจากเอวด้วยมือซ้าย ยกปืนเล็งไปที่หน้าอกผู้เสียหาย ใช้มือขวาขึ้นนกปืน นายเพิ่ม แก้วอ่อน เบิกความว่าจำเลยชักปืนสั้นแล้วยกเอาปากกระบอกปืนชี้ขึ้นฟ้า และนายสุชินเบิกความว่าเห็นจำเลยชักปืนออกจากเอวยกเล็งไปทางผู้เสียหายและกำลังง้างนกปืนจะยิง สามีจำเลยเข้าแย่ง แต่จำเลยพยายามสะบัด ฝ่ายจำเลยนั้นมีจำเลยเบิกความว่า ไม่เคยยิงปืน ผู้เสียหายจะใช้กระบอกตั๋วตี จึงชักปืน เพื่อขู่ผู้เสียหาย ให้ผู้เสียหายหยุดด่า แต่สามีจำเลยกลัวจำเลยจะยิง จึงเข้าจับมือกุศลลงเป็นเหตุให้ปืนลั่น และสามีจำเลยเบิกความว่า เมื่อจำเลยยกอาวุธปืนขึ้นจึงเข้าแย่งและกดมือจำเลยไว้เป็นเหตุให้ปืนลั่น เห็นว่าจำเลยเป็นฝ่ายติดตามทะเลาะกับผู้เสียหายอยู่เรื่อย แม้ผู้เสียหายนำตั๋วไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจจำเลยก็ยังตามไปและทะเลาะกันรุนแรงขึ้น จนถึงแก่จำเลยชักปืนและเกิดเหตุ พยานโจทก์มีผู้เสียหายและนายสุชินเบิกความสอดคล้องต้องกันว่าจำเลยใช้มือทั้งสองยกปืนจ้องไปทางผู้เสียหายและขึ้นนกปืนสามีจำเลยเข้าจับแล้วปืนลั่นขึ้น คำพยานโจทก์ทั้งสองนี้มีเหตุผลเชื่อถือได้เพราะขณะนั้นจำเลยคงจะโกรธผู้เสียหายมาก เห็นได้จากการติดตามทะเลาะอยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งมีการตระเตรียมปืนมา เพราะข้อที่ว่านายเขียวฝากปืนเนื่องจากกลัวถูกจับนั้นขัดเหตุผล โดยเหตุที่ว่าปืนนั้นเป็นปืนที่ไม่มีหมายเลขทะเบียนนายเขียวเองยังกลัวถูกจับ เหตุไฉนจำเลยจะรับฝากเอาของผิดกฎหมายไว้จนเป็นเหตุให้ตนเองต้องโทษ ส่วนคำนายเพิ่มที่ว่าจำเลยยกปืนขึ้นชี้ฟ้านั้นขัดต่อเหตุผล เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริง สามีจำเลยคงไม่กดปืนลงต่ำ เพราะปากกระบอกปืนอาจหันไปทางผู้คน ควรจะปล่อยหรือจับมือจำเลยชูขึ้นมากกว่า และถ้าจำเลยไม่มีพฤติการณ์จะยิงผู้เสียหายแล้ว สามีจำเลยก็ไม่ควรเข้าแย่งปืนจากจำเลยคำพยานจำเลยที่ว่าจำเลยชักปืนเพื่อขู่ไม่มีน้ำหนักให้เชื่อถือ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยชักปืนที่เตรียมไว้เล็งไปที่หน้าอกของผู้เสียหายและขึ้นนกปืนจะยิงผู้เสียหายจริง เมื่อกระสุนปืนลั่นขึ้น จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นด้วยและให้ลงโทษตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น