คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การกระทำตามฟ้องและจำเลยรับเป็นการกระทำอันมีลักษณะคล้ายคลึงกับการประกันชีวิตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 861,889 เพราะจำเลยตกลงจะใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่ผู้รับประโยชน์ในเหตุการณ์อันเป็นมรณะของผู้เป็นสมาชิกในอนาคต และจำเลยจะใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่ผู้รับประโยชน์หรือไม่ ย่อมอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของผู้เป็นสมาชิกดังนี้ ต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงเศรษฐการ การกระทำที่ไม่ได้รับอนุญาตจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธารณชนฯ และการที่บริษัทจำกัดจำเลยที่ 1 ได้ดำเนินการดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ว่าดำเนินการอันเป็นกุศลหรือสงเคราะห์ผู้ถือหุ้นและลูกค้านั้นโดยมิได้รับอนุญาต จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดตามกฎหมายดังกล่าวจำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำด้วยต้องมีความผิดด้วยและเมื่อการกระทำของจำเลยที่ 2 ในตอนต้นและตอนหลังเป็นกิจการคล้ายคลึงกับการประกันชีวิตอันเดียวกันและยังไม่สิ้นระยะเวลาตามระเบียบข้อตกลงในกิจการที่จำเลยกระทำจึงไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2502 จำเลยที่ 2 กับพวกได้ร่วมกันเริ่มก่อตั้งบริษัทจำเลยที่ 1 ต่อมาวันที่ 23 กันยายน 2501 ได้จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด โดยจำเลยที่ 2 เป็นประธานกรรมการและผู้จัดการ

ก. เมื่อระหว่างวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2500 ถึงวันที่ 22 กันยายน 2501 กลางวันและกลางคืน จำเลยที่ 1 ซึ่งยังมิได้จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด กับจำเลยที่ 2 ได้ประกอบกิจการอันมีสภาพคล้ายคลึงกับการประกันชีวิตขึ้น โดยจำเลยที่ 2 ได้จัดการเปิดรับสมัครสมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์และการกุศลในนามบริษัทและได้โฆษณาชักชวนให้ประชาชนให้เข้าเป็นสมาชิกดังกล่าวโดยวางระเบียบเงื่อนไขว่า ผู้สมัครเป็นสมาชิกต้องชำระเงินครั้งแรก 500 บาท ถ้าถึงแก่กรรมใน 6 เดือน 6 เดือนล่วงแล้ว 1 ปีล่วงแล้ว 2 ปีล่วงแล้ว 3 ปีล่วงแล้ว 4 ปีล่วงแล้ว 5 ปีล่วงแล้วผู้รับประโยชน์จะได้รับเงิน 500 บาท 600 บาท 1,000 บาท 2,000 บาท 3,000 บาท 4,000 บาท 5,000 บาทตามลำดับ เมื่อผู้มีชื่อหลายคนสมัครเข้าเป็นสมาชิก อันเป็นการประกอบกิจการอันมีสภาพคล้ายคลึงกับการประกันชีวิต ซึ่งเป็นการประกอบกิจการประกันภัยโดยมิได้รับอนุญาตจากกระทรวงเศรษฐการ

ข. เมื่อจำเลยที่ 1 จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2501 แล้ว จำเลยที่ 2 เป็นประธานกรรมการและผู้จัดการมิได้มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการประกันภัยหรือกิจการอันมีสภาพคล้ายคลึง จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 กระทำผิด คือเมื่อระหว่างวันที่ 23 กันยายน 2501 ถึงวันที่ 24 กันยายน 2507 เวลากลางวันและกลางคืนได้ ได้ร่วมกันประกอบกิจการโดยมีระเบียบและเงื่อนไขดังข้อ ก. โฆษณาชักชวนประชาชนให้เข้าเป็นสมาชิกมีบุคคลหลายร้อยคนเข้าเป็นสมาชิก จำเลยทั้ง 2 มิได้รับอนุญาตจากกระทรวงเศรษฐการ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยและผาสุกของประชาชน พ.ศ. 2471 มาตรา 7, 8;(ฉบับที่ 3) มาตรา 3 ฯลฯ

จำเลยให้การรับว่า ได้กระทำตามที่โจทก์บรรยายฟ้องจริง จำเลยที่ 2 เป็นประธานกรรมการและผู้จัดการบริษัทจำเลยจริงขอต่อสู้ปัญหาข้อกฎหมายว่า การกระทำของจำเลยในฟ้องตอนต้นขาดอายุความ ส่วนตอนหลังไม่เป็นความผิด เพราะอยู่ในวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 โจทก์ไม่สืบพยานบุคคล แต่ส่งเอกสาร จ.1 และ จ.3 เป็นพยาน

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยที่ 2 ก่อนจำเลยที่ 1 จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดขาดอายุความ ส่วนนับแต่จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดแล้ว เป็นการกระทำที่อยู่ในวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 ไม่ผิดกฎหมาย พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำก่อนจำเลยที่ 1 จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด ขาดอายุความ ส่วนการกระทำภายหลังจดทะเบียนเป็นการกระทำนอกวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ไม่ได้ทำผิดจำเลยที่ 2 ทำแต่ผู้เดียว พิพากษาแก้ ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามกฎหมายที่โจทก์ฟ้อง ปรับ 3,000 บาท ลดรับสารภาพ 1 ใน 3 คงปรับ 2,000 บาทนอกนั้นยืน

โจทก์ จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีได้ความตามโจทก์ฟ้อง และจำเลยทั้งสองรับแล้ว เห็นว่าการกระทำนั้นปรากฏชัดอยู่ในตัวว่าเป็นการกระทำอันมีลักษณะคล้ายคลึงกับการประกันชีวิตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 861, 889 เพราะจำเลยทั้งสองตกลงจะใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่ผู้รับประโยชน์ในเหตุการณ์อันเป็นความมรณะของผู้เป็นสมาชิกในอนาคตและจำเลยทั้งสองจะใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่ผู้รับประโยชน์หรือไม่ ย่อมอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของผู้เป็นสมาชิก การกระทำดังนี้ต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงเศรษฐการ จึงเป็นการกระทำที่เป็นความผิดตามกฎหมายที่โจทก์ฟ้อง

สำหรับจำเลยที่ 1 เห็นว่า วัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 ที่ว่าดำเนินการอันเป็นกุศลหรือสงเคราะห์ผู้ถือหุ้นและลูกค้านั้นจำเลยที่ 1 ได้ดำเนินการแล้วโดยเปิดรับสมัครสมาชิกฌาปนกิจสงเคราะห์ขึ้นร่วมกับจำเลยที่ 2 และรับเอากิจการนี้เป็นกิจการของจำเลยที่ 1 นับแต่วันที่จำเลยที่ 1 จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดตลอดมา ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 แล้วแต่จำเลยที่ 1 มิได้รับอนุญาตให้ดำเนินเป็นกิจการดังกล่าวนี้ตามกฎหมาย จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดตามโจทก์ฟ้อง

สำหรับจำเลยที่ 2 เห็นว่า กรณีเป็นกรณีเกี่ยวกับการกระทำและเป็นการร่วมกันกระทำ แม้การกระทำจะอยู่ในวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 เมื่อการกระทำนั้นเป็นความผิด จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำด้วย ก็ต้องมีความผิดด้วยและเห็นว่าการกระทำของจำเลยที่ 2 ในตอนต้นและตอนหลังเป็นกิจการคล้ายคลึงกับการประกันชีวิตอันเดียวกัน และยังไม่สิ้นระยะเวลาตามระเบียบข้อตกลงในกิจการที่จำเลยกระทำ ไม่ขาดอายุความ

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยและผาสุกของประชาชน พ.ศ. 2471 มาตรา 7, 8;(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2499 มาตรา 3 ปรับคนละ 3,000 บาท ลดโทษ 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 คงปรับคนละ 2,000 บาท นอกนั้นยืน

Share